ใครจะคิดว่า “เล้ง” กระดูกหมูต้มน้ำซุปปรุงรสชาติให้จัดจ้านเหมือน “ต้มซุปเปอร์ขาไก่” จะเป็นที่ชื่นชอบและนิยมในหมู่ผู้บริโภค เท่าที่เคยได้ลิ้มรสชาติก็จะมีแถมเล้งมากับก๋วยเตี๋ยวหรือน้ำซุปที่รับประทานคู่กับก๋วยเตี๋ยวแห้ง ซึ่งสิ่งที่เป็นของแถมนี้เองทำให้ต่อยอดไปสู่ธุรกิจ “นายป้อมซุปเปอร์เล้ง” สร้างรายได้ถึงหลักร้อยล้าน ให้แก่อดีตวิศวกรหนุ่มทายาทเจ้าของโรงกลึง ปอ-ปกรณ์ ปรีชาวิทย์ ศิษย์เก่าสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จนสามารถขยายกิจการเปิด 22 สาขาในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
ส่อแววพ่อค้าตั้งแต่เรียนมหา’ ลัย
จริงๆ แล้วผมอยากเรียนสายวิชาชีพมากกว่า เพราะที่บ้านทำโรงกลึงจึงมีวิชาชีพช่างติดไม้ติดมือมาพอสมควร แต่ที่บ้านไม่อนุญาตเพราะเป็นคนค่อนข้างเกเร จึงต้องเรียน ม.ปลาย สายศิลป์-ภาษา แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่อยากเรียนต่อทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อสานต่อกิจการที่บ้านในอนาคต แต่ด้วยสายที่จบมาไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ เลยยื่นผลการเรียนในสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งผลของการไม่มีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์มาก่อนคือ ทำให้เราเรียนอ่อนที่สุดในรุ่น บวกกับไม่ค่อยอ่านหนังสือ เรียนไป เที่ยวไป และชอบทำกิจกรรม เกรดเฉลี่ยเลยไม่ดีนักเรียกว่าแค่ผ่าน ซึ่งการเรียนในมหาวิทยาลัยเรามีเวลาว่างค่อนข้างเยอะ แต่ไม่อยากกลับบ้านและไม่ชอบเล่นเกม จึงคิดหารายได้พิเศษโดยขายเสื้อผ้ามือสองที่ตลาดนัดหน้ามหาวิทยาลัย พอได้เงินมาก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ

ชีวิตเด็กจบใหม่... ไม่ง่าย
หลังเรียนจบผมก็อยากหาประสบการณ์จากสิ่งที่ได้เรียนมา เพราะเพื่อนๆ ทำงานกันหมดแล้ว จึงไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆ ก็ไม่มีที่ไหนรับ เพราะว่าเกรดเฉลี่ยที่ค่อนข้างน้อย สมัครอยู่นานสุดท้ายมีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับประกอบเครื่องจักรนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่งเปิดฐานการผลิต จึงไปสมัครเป็นคนแรกของบริษัทเลย ในตำแหน่งช่างเทคนิค ทำงานได้ 6 เดือน ก็เจอวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ บริษัทจึงย้ายฐานการผลิตไปที่ จ.ระยอง ทำงานได้ 1 ปี ซึ่งหน้าที่การงานกำลังไปได้ดี แต่ที่บ้านให้กลับไปดูแลกิจการ เพราะคุณพ่ออยากเกษียณตัวเอง เหลือคุณแม่ดูแลกิจการอยู่คนเดียว เหมือนเราถูกบีบกลายๆ จึงตัดสินใจลาออกกลับมาช่วยที่บ้าน

ผู้บริหารใหม่ โรงกลึงใหม่ แต่ผลกำไรเป็นได้แค่ฝัน
กิจการของที่บ้านก็ทรงตัวมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ก็จะเป็นของเก่าที่ใช้มาตั้งแต่เรายังเด็กรวมถึงคนงานด้วย ดังนั้น เมื่อเราเป็นเด็กเข้ามาดูแลกิจการคนงานจึงไม่ยอมรับ บวกกับเครื่องไม้เครื่องมือค่อนข้างเก่าไม่เหมือนกับที่เราเรียนมาจึงทำให้ติดขัดหลายอย่าง ดังนั้น ด้วยความที่เป็นคนรุ่นใหม่บวกกับมีประสบการณ์จากการทำงานมาก่อนก็อยากปรับปรุงโรงกลึงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อยากทำงานเป็นระบบ จึงปรึกษาที่บ้านโดยให้เหตุผลว่าจะได้สร้างผลกำไรได้มากขึ้น ที่บ้านก็ไม่ได้ห้ามเลยนำที่ดินไปกู้เงินธนาคารมา 6 ล้าน ซึ่งตอนนั้นไม่ได้คิดให้รอบคอบก่อน คิดแค่ว่าถ้ามีเครื่องจักรที่ทันสมัยผลกำไรก็จะตามมาเอง
แต่แล้วสิ่งที่เราทำมันเป็นการแก้ไม่ถูกจุด มันไม่ได้เกี่ยวกับเครื่องจักรอุปกรณ์ แต่เป็นที่จำนวนลูกค้ามากกว่า ลูกค้าเท่าเดิมปริมาณงานเท่าเดิม เพิ่มเติมคือ หนี้สิน
ปัญหาของโรงกลึงคือ ลูกค้าเท่าเดิม งานเท่าเดิม และไม่มีคนงาน จะมีเด็กจบใหม่เข้ามาได้ไม่นานก็ลาออก ดังนั้น เมื่อรายรับเท่าเดิมแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้เริ่มติดลบ และการทำโรงกลึงงานค่อนข้างหนัก เริ่มงาน 8 โมงเช้าเลิกเที่ยงคืน ไม่มีวันหยุด ช่วงหลังงานยิ่งลดลงเรื่อยๆ จนต้องให้พนักงานทยอยหาลู่ทางไปหางานอื่น
เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
หลังจากคุณพ่อเกษียณก็มาขายข้าวหมูแดงหมูกรอบอยู่ที่ปั้มบางจาก คลอง 4 คือ คุณพ่อเคยบ่นมานานแล้วว่าอยากขายอาหารจึงได้ทำตามฝัน และตอนนั้นกำลังหาเมนูใหม่ จังหวะไปเจอก๋วยเตี๋ยวนายเอก ในน้ำซุปเค้าใส่เล้งให้ลูกค้า จึงเกิดไอเดียเอาเล้งมาต้มแบบซุปเปอร์ขาไก่ ขายคู่กับข้าวหมูแดงหมูกรอบเพื่อตัดเลี่ยน ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าและเพิ่มยอดขาย ขายได้ 2-3 เดือนก็รู้สึกว่าขายดี
ช่วงแรกๆ ลูกค้าไม่ค่อยกินเพราะไม่รู้จักเราก็เลยเชียร์ให้ลูกค้าลอง พอลูกค้าได้ชิมก็ติดใจบอกปากต่อปาก และอาจเพราะรถชาติจัดจ้านถูกปากทำให้ยอดขายที่ร้านคุณพ่อเพิ่มขึ้น จึงขอสูตรจากคุณพ่อและออกขายตามตลาดนัดช่วงวันหยุด เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็ได้เงินเพิ่มขึ้นกว่าการทำโรงกลึงอย่างเดียว ประเติมตลาดแรกคือ ตลาดนัดวินเทจ แดนเนรมิต ต้มไปขายหม้อแรก 20 กิโลกรัม ขายคู่กับข้าวเปล่า 90+10 เป็น 100 ปรากฏว่าขายหมด ขายอยู่ 6 เดือนตลาดก็ปิด ก็ย้ายมาขายที่ตลาดนัดจตุจักร ซึ่งก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆ หน้าร้านก็ไม่มีอะไรมาก ขึ้นป้ายใหญ่ๆ “นายป้อมซุปเปอร์เล้ง” มีรูปชามเล้งใหญ่ๆ เพื่อดึงดูดคนจากระยะไกล ขายได้สักระยะตลาดขึ้นค่าเช่าจึงเปลี่ยนที่ขาย มาขายที่ตลาด Walk Street ราชมงคลคลอง 6 เราขายแบบตะโกนเรียนลูกค้าหน้าร้าน เชิญให้มาชิมก็ขายหมดเช่นกันมีรายได้หลักหมื่น เลยคิดว่าถ้าขายในเมืองต้องขายดีแบบนี้แน่เลยต้องหาทำเลให้ดีหน่อย
ทุกอย่างไม่ง่ายเสมอไป ประสบการณ์คือคำตอบ
ได้ที่ขายใหม่ที่ตลาดหัวมุม วันแรกที่ขายต้มเล้งไป 3 หม้อขายไม่ได้เลย ต่อมาก็พอเริ่มขายได้บ้างเรายื่นเรียกลูกค้าหน้าร้านอยู่เป็นเดือนก็ยังขายไม่ค่อยดี ถามจากลูกค้าที่มากินเค้าก็บอกว่าอร่อยดี แต่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงขายไม่ได้ ค่าเช่าที่ก็แพงจนร้านข้างๆ มาขอเช่าที่ต่อ วันสุดท้ายของเดือนตั้งใจว่าถ้าขายไม่หมดก็จะย้ายที่แล้วปรากฏว่าขายหมด พอมาเดือนที่ 2 ก็เริ่มขายดีขึ้นเรื่อยๆ จึงคิดว่าอาจเป็นเพราะคนยังไม่รู้จักรสชาติเป็นอย่างไร แต่พอมีลูกค้ามากินก็บอกต่อกันปากต่อปากทำให้มีกำลังใจอยู่ต่อ
ด้วยความที่เราขายของตลาดนัดร้านเราจึงโลงวันไหนฝนตกก็จะขายไม่ได้ของที่ทำไปก็ต้องทิ้งหมด พอเริ่มขายมาเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่าถ้าวันไหนฝนตกก็ต้มน้อยหน่อยและต้มแค่สุกไม่เคี่ยวจนเปื่อย ถ้าขายดีค่อยเคี่ยวต่อที่ร้าน แต่ถ้าขายไม่ได้ก็จะเสียหายน้องลง
บางวันก็ไม่ได้ขายเพราะร้านที่เราไปซื้อเล้งไม่มีของทำให้ขาดรายได้ ดังนั้น เราจึงเริ่มสต็อคของโดยดูจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เช่น หน้าฝนหมูโตดีมีของเยอะแต่ขายได้น้อย ส่วนหน้าร้อนหมูโตช้าแต่ขายดี
“คุณพ่อบอกว่าเรากำลังขายดีจะทำอะไรก็รีบทำ เพราะถ้าเราไม่ทำคนอื่นก็จะทำ”
ขยายสาขาได้เพราะพลังโซเชียลมีเดีย
พอมีลูกค้ามากินก็มีคนถ่ายรูปแล้วโพสต์ ประจวบกับมีเพจต่างๆ มากินของเราแล้ว Live จึงทำให้เรายิ่งเป็นที่รู้จักมีลูกค้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ จึงขยายสาขาเพิ่มไปที่ตลาดนัดเรียบด่วน ซึ่งที่นี่จึงต้องตกแต่งร้านให้ดูน่านั่ง มีป้ายและโลโก้โดยใช้ชื่อคุณพ่อ และขยายสาขามาเรื่อยๆ จนปัจจุบันมี 22 สาขาในกรุงเทพและปริมณฑล
สร้างรายได้หลักร้อยล้าน
“เล้ง” คนอาจมองว่าเป็นแต่กระดูกหมูต้มน้ำซุปร้อนๆ ปรุงรสจัดจ้านแต่สามารถสร้างรายได้มหาศาล เพราะเรามี 22 สาขา รายได้เกิน 1 ล้านบาทต่อเดือนอยู่แล้ว ซึ่งอนาคตกำลังศึกษาอยู่ว่าจะขยายตลาดไปยังหัวเมืองต่างๆ และให้ผู้สนใจร่วมลงทุน ร้าน “นายป้อมซุปเปอร์เล้ง” นอกจากจะขายข้าวหมูแดง หมูกรอบ ซุปเปอร์เล้ง ก็ยังมีน้ำดื่ม น้ำสมุนไพรต่างๆ อีกด้วย ทุกสาขาจะใช้วัตถุดิบจากต้นทางที่เดียวกัน ปรุงใหม่ทุกวัน ดังนั้น รับรองได้ว่าคุณภาพของทุกสาขาจึงเหมือนกัน
“การทำธุรกิจของผมคือ อย่าเพิ่งลงทุนเยอะ
จากประสบการณ์ที่ผมเคยประสบมาก่อน แค่อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น
ทำให้ต้องเป็นหนี้ ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะเรายังไม่มีรากฐานที่มั่นคงแข็งแรงพอ”
การทำธุรกิจไม่มีสูตรสำเร็จ
สำหรับผมมองว่า คนทุกคนสามารถทำอะไรได้หลากหลาย อยู่ที่ว่าเราได้ทดลองและลงมือทำแล้วหรือยัง หากเราได้ลงมือทำทุกอย่างทุกขั้นตอนลองผิด ลองถูก จนกระทั่งรู้ว่าแบบไหนดีหรือควรทำอย่างไร และให้เวลากับมันอดทนสักหน่อยทุกอย่างจะประสบความสำเร็จได้อาจใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีก็ขอให้อดทน
"