เรียนจบพยาบาล สร้างงานเองได้ไหม
ใครๆ ก็บอกว่า การทำงานเป็นพยาบาลในบ้านเราเป็นงานที่หนักมาก ยิ่งในสภาวะที่ขาดแคลนพยาบาล จำนวนคนไข้ที่เข้าถึงการบริการเพิ่มขึ้น พยาบาล 1 คน ดูแลคนไข้เกินจำนวนที่กำหนด จำนวนวันที่ขึ้นเวรต่อเดือนก็มากเกินเกณฑ์ ทำให้พักผ่อนไม่พอเพียง ใช้เวลากับครอบครัวได้น้อย ซึ่งปัญหาการขาดแคลนพยาบาลนี้ จะยืดเยื้อต่อไปเพราะพยาบาลลาออกเมื่อมีครอบครัวและเปลี่ยนไปทำอาชีพที่ใช้วิถีชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป แล้วทางเลือกคืออะไร

วิชาชีพพยาบาลเป็นงานที่มีเกียรติ ได้รับการยอมรับนับถือจากคนทั่วไป ถึงแม้งานที่ทำจะได้ค่าตอบแทนแล้วก็ตาม นั่นหมายความว่าคุณค่าของงานอยู่ที่การได้ความรู้สึกดีๆ จากผู้ที่เราทำงานด้วย นอกจากนี้ คนที่เป็นพยาบาล ยังสามารถใช้ทักษะที่มีอยู่ ในการช่วยเหลือคนรอบตัวและญาติพี่น้องได้ แน่นอนที่สุดคือ เราสามารถวางใจได้ว่าเรามีงานทำหรือสามารถสร้างงานได้ด้วยตนเองแน่นอน
เมื่อพูดถึงการมีงานทำถือว่า การทำงานเป็นพนักงานในสถานบริการสุขภาพ ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นเรื่องที่ไม่ยาก หากวันนี้และวันข้างหน้าความต้องการพยาบาลจะยังคงสูงขึ้นเพราะผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ความเจ็บป่วยเรื้อรังมากขึ้น จึงทำให้ความต้องการการดูแลรักษามากขึ้น พยาบาลที่จบใหม่นั้นสามารถหางานได้ง่าย หรือได้งานทำทันทีภายหลังจบการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันดีในวงการวิชาชีพนี้ การทำงานเป็นลูกจ้าง การสร้างตัวก็จะค่อยเป็นค่อยไป เป็นการหาประสบการณ์และเครือข่ายก่อนที่จะไปสร้างงานด้วยตนเอง แต่ถ้าต้องการเป็นลูกจ้างถาวร งานที่ทำ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม จะเป็นงานที่มั่นคงได้ทั้งสิ้นเพราะแต่ละคนสามารถสร้างความมั่นคงได้ จากความรู้และทักษะของเราที่สามารถพัฒนาเพิ่มขึ้นจากการทำงานในทุกวัน

ทั้งนี้ ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้างหรือพนักงาน แต่เป็นเจ้าของกิจการ สามารถเริ่มจากโครงการขนาดเล็กได้ จาก Start up หรือ SME ปัจจุบันพบว่า พยาบาลที่มีประสบการณ์จำนวนมากสามารถเริ่มธุรกิจจากงานขนาดเล็กได้ เช่น การดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน จาก 1-2 คน เป็น 10 คนต่อวัน หรือเช่าบ้านเป็นพื้นที่รับดูแลผู้สูงอายุในชุมชน เริ่มจากหนึ่งหลัง จนเป็น 5-10 หลัง มีผู้ป่วยดูแล 10-50 คน
ล่าสุดได้พบศิษย์เก่า 2 คน รับงาน (Subcontract) การดูแลผู้ป่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมจากโรงพยาบาลเอกชน ทั้ง 2 คน จบพยาบาลมานานแล้วต้องการสร้างงานของตนเอง เพื่อจะได้สบายขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ปัจจุบันการดำเนินงานเป็นไปได้ด้วยดี มีทีมงานหลายคน และได้มาขอรับผู้ที่ผ่านการอบรมไตเทียมที่มหาวิทยาลัยรังสิต นอกจากนี้ ยังมีศิษย์เก่าอีกหนึ่งคนที่ทำธุรกิจเล็กๆ ในลักษณะนี้ เขามีความสุขมาก เพราะเป็นงานที่สามารถทำเท่ากับที่ต้องการจะทำและใช้เวลาที่เหลืออยู่กับครอบครัว ควบคู่กับการทำงานช่วยสังคมกับชมรมศิษย์เก่า

หากถามว่า ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้าง ไม่ทำธุรกิจเอง อยากทำอะไรอิสระ ทำบ้างไม่ทำบ้างได้ไหม ขอตอบว่า ได้ค่ะ เราสามารถเลือกได้ เช่น รับดูแลผู้สูงอายุตามบ้านด้วยตนเองหรือผ่านศูนย์ ทำงานบาง Job บางเวลา เป็น Parttime ในโรงพยาบาล โรงงาน ดูแลผู้ป่วยฟอกเลือดด้วยไตเทียม สัปดาห์ละ 1-3 วัน โดยวางตารางงานล่วงหน้า สามารถหยุดได้ตามที่กำหนด ไปเที่ยวกับเพื่อนได้ ไปต่างประเทศได้ ทำงานอื่นได้ในขณะเดียวกัน
มีนักเรียนผู้ช่วยพยาบาลของเราคนหนึ่ง มีปัญหาทางด้านครอบครัว ผลการเรียนต่ำ ไม่สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ จึงมาเรียนผู้ช่วยพยาบาล เป็นหลักสูตร 1 ปี ระหว่างเรียน โดยขายของออนไลน์ไปด้วยจนกระทั่งจบการศึกษา จึงไปทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลในโรงพยาบาล เงินที่ได้นำมาใช้จ่ายอย่างพอเพียงในครอบครัว สามารถส่งน้องเรียนผู้ช่วยพยาบาลได้อีกหนึ่งคน ตอนนี้นักศึกษาคนนี้ได้เข้ามาเรียนต่อพยาบาลเพื่อหาโอกาสทางวิชาชีพให้มากขึ้นต่อไป
หลายคนอาจจะคิดว่า เรียนพยาบาลเป็นลูกจ้างได้เท่านั้น ในยุคนี้ไม่เป็นความจริง สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในสังคมปัจจุบัน โอกาสในการสร้างงานของพยาบาลมีมากกว่าที่เคยเป็นในอดีต “อยากสร้างงาน อยากช่วยคน ต้องมาเรียนพยาบาล”
เรียนพยาบาลในเมืองไทย ไปทำงานต่างประเทศได้ไหม
หลักสูตรพยาบาลศาสตร์ ที่เปิดสอนในบ้านเราเป็นหลักสูตรที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล สามารถเทียบเคียงกับหลักสูตรของประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา ดังนั้น เมื่อจบจากหลักสูตรในประเทศไทยจึงสามารถสมัครสอบขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพของต่างประเทศได้

การจะไปทำงานที่ประเทศอื่นนั้น ผู้ที่จะไปทำงานจะต้องสอบผ่านการขึ้นทะเบียนขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของประเทศนั้นก่อน โดยทั่วไปแล้วเมื่อจบการศึกษาในประเทศไทย ผู้ที่จะไปทำงานต่างประเทศมักสอบขึ้นทะเบียนในประเทศไทยก่อน เนื่องจากแหล่งงานของประเทศนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะรับคนที่มีใบประกอบวิชาชีพจากประเทศต้นทางมาเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งการมีประสบการณ์ในการทำงานซึ่งจะเป็นตัวช่วยที่ดี
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการไปทำงานต่างประเทศ จะมีการเตรียมตัวที่สำคัญ 2 อย่างคือ (1) การเตรียมตัวสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพ ส่วนนี้จะเป็นการสอบข้อเขียนเป็นส่วนใหญ่ มีบางประเทศที่ให้สอบข้อเขียนร่วมกับต้องเรียนเพิ่มเติมตามที่กำหนด ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ง่ายกว่าส่วนที่ 2 เพราะความรู้และทักษะที่ได้จากการศึกษาในบ้านเราเป็นไปตามมาตรฐาน และพอเพียงในการไปทำงานต่างประเทศ (2) ต้องสอบภาษาผ่านตามระดับที่เป็นข้อกำหนดของการเข้าไปทำงานในระดับวิชาชีพของประเทศนั้นๆ ส่วนนี้พบว่าค่อนข้างยากสำหรับผู้ที่จบการศึกษาในบ้านเราที่เรียนในหลักสูตรที่ใช้ภาษาไทยทั้งหมด ยกเว้นผู้ที่มีสมรรถนะทางภาษานั้นๆ ดีเป็นพื้นฐานอยู่บ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวในด้านภาษา หากเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งนับว่าเป็นภาษาที่ 2 (Second Language) ของบ้านเรา ก็อาจไม่ยากนักสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานจาก English Program/ Bilingual Program/ International Program หรือผู้ที่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในประเทศเจ้าของภาษามาก่อน จากการศึกษาภาคฤดูร้อน การทำงาน แท้จริงแล้วความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษนี้ยังอาจเกิดจากการฝึกฝนได้ด้วย ถ้าพวกเราจำได้ Jack Ma มหาเศรษฐีชาวจีน ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเหมือนเจ้าของภาษาก็เรียนรู้ภาษาด้วยตนเองมาก่อน เราก็อาจจะเป็นคนในกลุ่มนี้ก็ได้
ผศ.ดร.อำภาพร นามวงศ์พรหม
คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลัยรังสิต
"