เทรนด์การรักษาผู้ป่วยด้วยการกายภาพบำบัดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปัจจุบันหลายคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา กลุ่มคนในวัยทำงาน หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ ฯลฯ
fixme Clinic คลินิกกายภาพบำบัดครบวงจร ย่านซอยราชครู ที่บริหารงานโดยหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง อ.กภ.ธนพล วุฒิวัย ศิษย์เก่าคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเปิดให้บริการรักษาทางกายภาพบำบัดโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การรักษา ทั้งในไทยและต่างประเทศ ใช้หลักวิเคราะห์โครงสร้างร่างกายเพื่อหาสาเหตุของโรค ปรับสมดุลระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นประสาท ด้วยเทคนิคการรักษาเฉพาะทางร่วมกับเครื่องมือที่ทันสมัย และการออกกำลังกาย ที่จะออกแบบมาเฉพาะบุคคล
ชีวิตในรั้วมหา’ลัย
ย้อนกลับไปวัยเด็ก คุณเต้ บอกถึงเหตุผลที่เลือกเรียนทางด้านกายภาพบำบัดว่า กายภาพบำบัดในอนาคตจะเป็นสาขาที่มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อสังคม ผมได้เข้าไปหารายละเอียดในเว็บไซต์ของต่างประเทศ จึงประทับใจในวิธีการรักษาที่ตอบโจทย์เรื่องของโครงสร้างในการออกกำลังกาย และนำสิ่งเหล่านี้มารักษาโรค สามารถทำธุรกิจเป็นของตัวเองได้ เลยคิดว่าคณะนี้น่าสนใจ จึงตัดสินใจเรียนทางด้านนี้ที่มหาวิทยาลัยรังสิต
“ช่วงที่เรียนทำกิจกรรมเยอะมาก ตั้งแต่เข้าปี 1 มีกิจกรรมรับน้อง ในมหาวิทยาลัยจะมีประกวดดาวเดือน ด้วยคณะกายภาพบำบัดมีผู้ชายเรียนน้อย ผมก็เลยได้รับเลือกเป็นเดือนคณะกายภาพบำบัด ให้ไปประกวด ก็ได้ประสบการณ์จากตรงนั้น ได้มีโอกาสเจอเพื่อนๆ หลากหลายคณะ ทำให้เรารู้สึกว่าได้เปิดโลกการเรียนมหาวิทยาลัย ได้รู้จักกับเพื่อนๆ ในหลายๆ คณะ รู้ว่าในแต่ละคณะมีกิจกรรมอะไรบ้าง แล้วเรียนวิชาอะไรบ้าง"
คณะกายภาพบำบัดเป็นคณะที่ไม่ได้ใหญ่มาก ฉะนั้น ทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักศึกษารุ่นพี่ รุ่นน้อง อาจารย์ จะสนิทกันหมดที่ ม.รังสิต อาจารย์เน้นให้มองคนไข้ในหลายๆ มิติ และเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้สึกว่าถ้าญาติหรือครอบครัว หรือแม้แต่ตัวเราเป็นแบบนี้ เราจะมีความทุกข์แค่ไหน เขาก็จะสอนให้เราเป็น Professional ที่สุด ที่จะจัดการคนไข้และมองคนไข้ในหลายมิติ ทำให้เวลาทรีทคนไข้แล้วคนไข้ดีขึ้น ไม่ใช่ความรู้สึกแค่ว่าคนไข้ดีขึ้น แต่รู้สึกประทับใจ เป็นความภาคภูมิใจ เป็นความสำเร็จในวิชาชีพ “ไม่ได้ดูแค่ชาร์จคนไข้แล้วเรามีความสุขกับกระดาษ แต่เรามีความสุขที่เห็นอาการป่วยเขาลดลง และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้” หรืออย่างในคลินิกที่ทรีทนักกีฬา ทำให้เขาสามารถกลับไปเล่นกีฬาได้จากที่เล่นไม่ได้ เราก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จ นี่เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจารย์ปลูกฝังให้มองการรักษาคนไข้อย่างมีความสุข เราก็จะมีความสุขไปด้วย
กว่าจะเป็นfixme
ก่อนที่จะมาเปิดfixme ต้องบอกก่อนว่า คนที่เรียนจบทางด้านกายภาพบำบัดส่วนใหญ่จะทำงานในโรงพยาบาล ไม่ก็เรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก แล้วกลับมาเป็นอาจารย์คณะกายภาพบำบัด แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง พอจบออกมาก็คิดว่าลองฉีกไปอีกแนวหนึ่งที่ไม่ใช่โรงพยาบาล ตอนนั้นทางIndex Living Mall เปิดรับErgonomicsConsult โดยทำหน้าที่ในเรื่องของการศึกษาด้านวิจัยเกี่ยวกับที่นอน หมอน เพื่อมาปรับให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ของเขา
ลักษณะของงานคือ มีการตรวจร่างกายคนไข้ที่จะมาซื้อเตียงและที่นอน การเลือกเตียงนอน หรือหมอนอย่างไร จะเหมาะสมกับสรีระของแต่ละคนที่มีปัญหา ทำได้ประมาณ 8 เดือน ผมก็รู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว หลังจากนั้นจึงไปสมัครเป็นนักกายภาพบำบัดที่ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท หัวหิน ซึ่งในชีวาศรมจะมีการรักษาทางกายภาพบำบัด มีการออกกำลังกายทั้งบนบกและในน้ำ โดยอัพเดทความรู้ทางด้านกายภาพบำบัดที่ใช้กันในระดับสากลตลอดเวลา ตอนนั้นทำอยู่ประมาณ 4-5 ปี เก็บสะสมประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือทางกายภาพ การออกกำลังกาย และมีสอนคลาส ดูแลเรื่องงานเอกสารและงานเมเนจเมนท์ ซึ่งผมได้ศึกษาเรื่องงานเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นงานโอเปอเรชั่นต่างๆ การดูแลพนักงาน การทำบัญชี และการทำเทรนนิ่งกายภาพ
หลังจากนั้นได้คอนแทคจากคนไข้ที่อยากทำสวนสุขภาพ อยากได้ตัวเราไปช่วยจึงลาออกจากชีวาศรม แล้วไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ และรัสเซีย ไปเซตอัพสวนสุขภาพ ซึ่งเปลี่ยนจากการที่เราเป็นคนรักษาไปเป็นเรื่องของการเมเนจเมนท์มากขึ้น ทำอยู่ประมาณ 2 ปี ซึ่งถือเป็นการเรียนรู้ทางด้านสกิลการรักษาไปด้วย”
หลังจากกลับจากทำงานที่สิงคโปร์ เทรนด์ทางด้านสุขภาพของบ้านเราที่ไม่ใช้ยาแต่เน้นเรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดโรค ค่อนข้างมาแรง เขาจึงได้มีโอกาสเข้าไปดูแลเรื่องสวนสุขภาพที่โรงพยาบาลปิยะเวท และดูแลพนักงาน ทำได้ประมาณปีกว่าก็ออกมาทำบริษัทคอนเซาท์ เมื่อเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงมาเปิดเป็นคลินิกของตัวเอง
fixme คลินิกกายภาพบำบัดครบวงจร
fixme เปิดให้บริการมากว่า 3 ปีแล้ว กระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการคือนักกีฬา เนื่องจากคลินิกจะเน้นในเรื่องของการรักษาการกีฬา ประมาณ 60% จะเป็นนักกีฬาอาชีพ และนักกีฬาสมัครเล่น ไตรกีฬา ฟุตบอล เทควันโด นักว่ายน้ำ รักบี้ เป็นต้น อีกประมาณ 20% จะเป็นลูกค้าแถวอารีย์ อาการเจ็บป่วยจะมาจากออฟฟิศซินโดรม และที่เหลือจะเป็นผู้สูงอายุที่มีปัญหาไหล่ติด เข่าเสื่อม
“การเริ่มต้นทำธุรกิจก็มีปัญหาบ้างในเรื่องของเงินทุน เนื่องจากธุรกิจนี้เครื่องมือทางด้านกายภาพมีราคาค่อนข้างสูง บางตัวเป็นล้าน ตอนแรกมีทุนอยู่จำนวนหนึ่งแต่ยังไม่ถึงเป้าที่เราตั้งไว้ที่จะเปิดคลินิก จึงชวนเพื่อนๆ ที่มีคอนเซปต์การรักษาเดียวกันมาช่วยลงขันกัน ตอนแรกก็มีเพื่อนๆ ร่วมทุนช่วยกัน แต่ปัจจุบันผมซื้อหุ้นคืนหมดแล้วมาบริหารเอง
ทำที่นี่มาผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างในการดูแลพนักงาน หรือจะดูแลปัจจัยหลักก็คือพนักงานที่จะทำให้ธุรกิจเราโต เราจะดูแลเขาอย่างไร ค่าตอบแทนต้องมีความเหมาะสม สภาพแวดล้อมการทำงานต้องดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดี รวมถึงต้องมีการอัพเดทความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา และความก้าวหน้าในสายอาชีพ”
เป้าหมายในการขยายสาขา
ปีหน้าจะมีการขยายสาขาไปที่สุขุมวิท เพราะว่าลูกค้าจำนวนค่อนข้างมากเดินทางมาจากสุขุมวิท เราน่าจะได้สถานที่มีบริเวณมากขึ้น ก็มีคุยกับพาร์ทเนอร์ไว้อนาคตน่าจะมีเปิดfixme อีกหลายๆ ที่ อย่างเช่นที่ จ.ชลบุรี นอกจากนี้ การให้บริการจะขยายไปยังกลุ่มบุคคลทั่วไป แต่หลักๆ เราก็ยังเน้นในกลุ่มนักกีฬาอาชีพและนักกีฬาสมัครเล่น
อย่างไรก็ตาม นอกจากการบริหารงานคลินิกแล้ว เขายังเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยรังสิตด้วย โดยสอนวิชาที่เกี่ยวกับธุรกิจ เทคนิคการรักษาที่ใช้มือในการรักษา เช่น การดัดข้อกระดูก เทคนิคการออกกำลังกาย เป็นต้น รวมทั้งมีการให้คำปรึกษาทางด้านเคส ถ้าเจอเคสยากๆ ต้องทำอย่างไร
แนะนำสำหรับผู้ที่สนใจทำธุรกิจ
อย่างแรกคือต้องมีความเชี่ยวชาญและรักในสิ่งที่ตัวเองทำก่อน ไม่ตามกระแส พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด และอย่ามองว่าธุรกิจเป็นความรู้แค่ด้านเดียว เราต้องศึกษาความรู้ในหลายๆ ด้าน เช่น การทำมาร์เก็ตติ้ง การอ่านบัญชีเบื้องต้น การรู้หลักการประชาสัมพันธ์เบื้องต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจต่อยอดไปได้เรื่อยๆ ซึ่งผมว่าในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ ถ้าเรามีการเรียนการสอนวิชาเหล่านี้เพิ่มให้นักศึกษาก็น่าจะดีครับ
fixme Clinic ตั้งอยู่ที่ราชครู เมดิคัล เซนเตอร์ (พหลโยธิน ซ.5) ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ และ สนามเป้า ซึ่งสะดวกในการเดินทาง เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00-20.00 น. ทุกวัน
"