“คิดอยากจะประสบความสำเร็จ คิดแล้วต้องลงมือทำ ไม่ใช่เอาแต่เล็ง...” และผลลัพธ์ของการกล้าคิด และกล้าลงมือทำสิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะแตกต่าง คือสิ่งที่ทำให้วันนี้ "แบรนด์วัชรินทร์" เเบรนด์ของฝากขึ้นชื่อจังหวัดสิงห์บุรีที่ผลิตจากภูมิปัญญาทองถิ่น ขึ้นแท่นสินค้ายอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยเเละต่างชาติ ทั้งยังขยายกิจการและเพิ่มผลิตภัณฑ์จากเดิม หมูทุบ สู่ จระเข้ทุบ เพื่อส่งออกจำหน่ายต่างประเทศโดยตีตลาดใหญ่อย่างประเทศจีนและฮ่องกง
นายวัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กูล ศิษย์เก่าวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เจ้าของแบรนด์วัชรินทร์ กล่าวว่า เดิมครอบครัวมีกิจการเป็นของตนเอง ซึ่งคุณแม่เป็นผู้ก่อตั้งและผลิตสินค้าของฝากประจำจังหวัดสิงห์บุรีที่ขายมายาวนานกว่า 30 ปีโดยเริ่มจากการทำหมูทุบมาก่อน ต่อด้วยเนื้อวัว เนื้อไก่ เพราะสินค้าของเราเป็นสินค้าของฝากประจำจังหวัดที่ขึ้นชื่อของสิงห์บุรี เมื่อระยะเวลาผ่านไปก็จะมีคู่แข่งทางการตลาดเยอะขึ้น ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 ที่จะต้องสานต่อธุรกิจ จึงต้องหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อที่จะหากผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ จากขายตามปั้มน้ำมันก็เปลี่ยนเป็นขายตามห้างโมเดิร์นเทส และขณะนั้นกำลังศึกษาในหลักสูตรผู้นำ ทางสังคม ธุรกิจและการเมือง จึงได้นำความรู้หลายอย่างมาพัฒนาต่อยอดและปรับใช้ในหลายส่วนของการบริหารจัดการธุรกิจ ทำให้มองเห็นโลกกว้างได้กว้างขึ้นจากการพบเจอคนในสังคมธุรกิจที่หลากหลาย มีไอเดียที่จะนำมาพัฒนาเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจของเราเมื่อเรามีผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นและขยายตลาดให้กว้างขึ้น และมองเห็นเป้าหมายว่าก้าวต่อไปที่จะทำให้แบรนด์เราได้รับการยอมรับคืออะไร
“ช่วงเรกที่เริ่มเข้ามาช่วยดูกิจการหมูทุบ พยายามคิดว่าเราจะอัพเกรดสินค้าอย่างไร จากสินค้าที่เป็นของฝากประจำจังหวัดให้กลายเป็นสินค้าพรีเมี่ยม จากธุรกิจเดิมที่เคยเจาะเฉพาะลูกค้ากลุ่มตลาดล่างและกลาง จึงหันมาจับลูกค้าตลาดบนและส่งออกต่างประเทศ ซึ่งการที่เลือกเปิดตลาดเป็นประเทศจีน เพราะหลังจากที่พัฒนาสินค้าและนำไปวางจำหน่ายในเครือ Gourmet Market เป็นห้างสรรพสินค้าในระดับบน ซึ่งสอดคล้องกับตัวผลิตภัณฑ์ของเราที่พัฒนาคุณภาพใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม เช่น เนื้อสัตว์แต่ละชนิดที่นำมาใช้ต้องผ่านระบบขั้นตอนของฟาร์มปิด ซึ่งเป็นการควบคุมคุณภาพ ราคาสินค้าจึงสูงกว่าของฝากทั่วไปในท้องตลาด ซึ่งในขณะนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาซื้อสินค้าในประเทศไทยจำนวนมาก และได้ระบุถึงความต้องการในการบริโภคเนื้อจระเข้ เพราะชวจีนนิยมรับประทานเนื้อจระเข้ เพราะมีคุณประโยชน์ทางสารอาหารสูง มีไขมันและคอเรสเตอรอลต่ำ สามารถทานเพื่อบำรุงร่างกาย จึงได้เก็บข้อมูลส่วนนี้แล้วนำมาคิดค้นผลิตภัณฑ์เนื้อจระเข้แปรรูปเพิ่มเติม นอกจากจะเป็นจระเข้ทุบรสชาติต่างๆ แล้ว สามารถฉีกซองแล้วทานได้เลย มีทั้งแบบตุ๋นและแบบอบแห้ง แค่เพียงฉีกซอง แช่น้ำอุ่นก็กลายเป็นเนื้อสด นำไปต้ม ผัด แกง ทอดได้ง่าย และในส่วนของอายุผลิตภัณฑ์สามารถเก็บไว้ได้นานถึงสองปี โดยไม่มีกลิ่น ไม่ต้องใส่สารกันบูด ทั้งนี้ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จระเข้ทุบได้รับความนิยม มียอดการผลิตต่อเดือนจำนวนมาก และสามารถทำรายได้แตะหลักล้านบาทต่อเดือน”
เส้นทางธุรกิจเนื้อสัตว์แปรรูปส่งออกเงินล้าน
เจ้าของแบรนด์วัชรินทร์หมูทุบ-จระเข้ทุบ กล่าวต่อว่า สำหรับเนื้อจระเข้ที่นำมาแปรรูปนั้น ใช้เนื้อส่วนหาง หรือที่เรียกว่า "บ้องตัน ซึ่งจะไม่มีไขมัน เป็นเนื้อส่วนที่มีคุณภาพดีที่สุด เนื่องจากหางจระเข้เคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้เนื้อส่วนนี้แน่นและมีรสชาติอร่อย และในส่วนของวัตถุดิบหรือเนื้อจระเข้นั้น เนื่องจากเราเป็นที่ปรึกษาของฟาร์ม ฉะนั้น โรงแล่เนื้อจระเข้เราจะดีลกันอยู่แล้วกับฟาร์มแต่ละที่ เช่นสมุทรสาคร สมุทรปราการ หรือทางภาคเหนือจะมาส่งที่ฟาร์มศูนย์กลางที่พระนครศรีอยุธยา โดยเรารับจากที่นี่โดยตรงและยังเป็นฟาร์มที่กฎหมายไซเตสยอมรับ และเนื้อจระเข้แปรรูปของวัชรินทร์เป็นเจ้าเดียวที่มีกฎหมายไซเตสคุ้มครองอยู่ ข้อดีคือเมื่อเราส่งออกเนื้อจระเข้ไปจำหน่ายต่างประเทศ ก็จะสามารถตรวจสอบได้ว่าจากจำนวนสินค้าทั้งหมดใช้จระเข้ไปกี่ตัว รับจระเข้มาจากฟาร์มไหน เมื่อมีตรงนี้อยู่จึงได้เปรียบในการเปิดตลาดต่างประเทศ สำหรับโปรดักส์ส่งออกเฉพาะเนื้อจระเข้อย่างเดียวตอนนี้มีทั้งเนื้อจระเข้อบแห้ง เนื้อจระเข้ทุบ เนื้อจระเข้แบบทุบผัดพริกสมุนไพร รสซอสกระเพรา รสซอสพริกไทยดำ และรสใหม่ล่าสุดรสพริกหม่าล่า และหลังจากได้รับผลตอบรับดีจากประเทศจีนมีออร์เดอร์สินค้าต่อเดือนจำนวนมากแล้ว เมื่อปี 2560 ได้ไปเปิดตลาดเพิ่มเติมที่ประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดของคนรักสุขภาพอีกด้วย
“ในส่วนของขั้นตอนการผลิตนั้น แม้ว่าปัจจุบันจะมีออร์เดอร์สินค้าแต่ละเดือนเข้ามาจำนวนมาก แน่นอนว่าบางอย่างจำเป็นต้องเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังคงรักษาไว้คือความเป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่น การใช้ภูมิปัญญาแบบดั้งเดิมของชาวบ้าน เช่น การใช้ยางมะละกอจะทำให้เนื้อนุ่ม หรือการนำเนื้อจระเข้สดไปตากแดดจัดนาน 3 วัน เพื่อดับกลิ่นคาวก่อน รวมถึงการใช้แรงงานคนทุบด้วยค้อนแบบโบราณบ้าง เพราะสามารถควบคุมน้ำหนักดีกว่าการทุบด้วยเครื่องจักร ทำให้ผิวสัมผัสนุ่ม อร่อยกว่าใช้เครื่องจักร ทุกวันนี้ผมมีพนักงานที่ช่วยผลิตสินค้าประมาณ 20 คนหมุนเวียนกัน ซึ่งก็สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามออร์เดอร์ของลูกค้า ทั้งที่ส่งทัวร์จีน ห้างร้าน และส่งออกต่างประเทศ ผมว่าความสุขของผมไม่ใช่แค่เห็นว่าเราประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่บางครั้งก็อยู่ที่รอยยิ้มของผู้ร่วมงานด้วย พวกเขาทำงานอย่างมีความสุข มีรายได้เลี้ยงครอบครัว เราก็รู้สึกดีใจไปด้วย”
จากนักธุรกิจ สู่การทำงานเพื่อสังคม
นอกจากบทบาทในจากธุรกิจจะประสบความสำเร็จแล้ว วัชรินทร์ ยังนำความรู้ ประสบการณ์ในการทำงานมาทำงานเพื่อสังคม และมีความคิดที่จะทำให้จังหวัดสิงห์บุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จัก โดยริเริ่มและจำกิจกรรมนคนเดิน เป็นถนนสายวัฒนธรรมให้คนในท้องถ่นได้มาจำหน่ายสินค้า ทำให้มีรายได้หมุนเวียน และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ มาจัดแสดงเพื่อให้ชาวต่างชาติได้ชม และนักท่องเที่ยวได้รู้จักจังหวัดสิงห์บุรีมากขึ้น ให้ถนนคนเดิน ร.ศ.๑๓๐ แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสิงห์บุรี
ถนนคนเดิน ร.ศ.๑๓๐ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสิงห์บุรี
“ตอนนี้ผมรับหน้าที่เป็นประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยภาคกลางตอนบน และประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายที่ผมมีคือการได้ทำอะไรเพื่อจังหวัดสิงห์บุรี จึงได้ปรึกษากับคณะกรรมการและมีความเห็นว่าศาลากลางของจังหวัดมีพื้นที่ที่จะสามารถทำกิจกรรมและเปิดร้านค้าได้ จึงได้ริเริ่มทำถนนคนเดิน ร.ศ.๑๓๐ โดยใช้ธีมอนุรักษ์ไทย มีการแต่งชุดไทยสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการเล่นเเสง สี เสียง ให้ร้านค้ามาออกร้านจัดจำหน่ายสินค้า ซึ่งปัจจุบันทำมา 6 เดือนแล้ว และประสบความสำเร็จมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ และตอนนี้ได้ขึ้นทะเบียนโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เป็นถนนคนเดินสายวัฒนธรรมของจังหวัดสิงห์บุรี และได้รับการขึ้นทะเบียนจากกระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นตลาดต้องชม ที่ไม่ควรพลาด และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้บรรจุถนนคนเดิน เป็นการท่องเที่ยววิถีไทยสไตล์ลึกซึ้ง ประจำปี 2561 ถ้าใครถามว่าเหนื่อยไหมทำอะไรเยอะขนาดนี้ ผมบอกได้อย่างภูมิใจเลยว่า เหนื่อยแต่โคตรมีความสุข” เจ้าของแบรนด์วัชรินทร์ ฯ กล่าวเพิ่มเติม
กว่าจะถึงวันที่สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบนเส้นทางที่เราเดินอาจจะต้องพบเจออุปสรรคมากมาย และเหล่านี้คือประสบการณ์ที่ดีที่จะเป็นภูมิต้านทานให้ชีวิต และหากเราคิดว่าจะทำสิ่งใดให้สำเร็จ สิ่งแรกที่เราควรคิดคือบอกกับตัวเองว่าเราจะตั้งใจ และจะทำมันให้ดีที่สุด
จากการสานต่อธุรกิจครอบครัวรุ่นสู่รุ่น จากการกล้าคิด กล้าลงมือทำ จากสินค้าของดีประจำจังหวัดสิงห์บุรี สู่สินค้าส่งออกเนื้อสัตว์แปรรูปเงินล้าน ทำให้วันนี้ “แบรนด์วัชรินทร์” มาไกลจนเป็นอีกหนึ่งแบรนด์สินค้าไทยที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศ
"