ถ้าพูดถึงเดือนกุมภาพันธ์เดือนนี้ของฉันก็เป็นอีกหนึ่งเดือนที่รวบรวมเรื่องราวหลากหลายเรื่องเอาไว้ บางเรื่องก็มีความสุขจนกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว บางเรื่องก็ย่่าแย่เสียจนไม่คิดว่าจะสามารถก้าวผ่านมาได้ แต่ความทรงจ่าที่ดีที่สุดและถูกจัดไปไว้ในหมวดหมู่ที่มีความสุขจนกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว ก็คงเป็นค่ายของสาขาวิชาภาษาไทย เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา คงจะจริงอย่างที่เขาว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุข ทุกอย่างจะผ่านไปไวราวกับมีคนมาเร่งหมุนเข็มนาฬิกา ค่ายนี้ก็เช่นกัน ในปีนี้ทางสาขาวิชาฯ เดินทางไปจัดกิจกรรมที่หาดเตยงาม หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ในช่วงต้นของกิจกรรมจะมีการละลายพฤติกรรมของนักศึกษาก่อน และแบ่งกลุ่มเพื่อให้นักศึกษาได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ซึ่งนี่สร้างความเป็นกังวลให้กับฉันเป็นอย่างยิ่ง เมื่อไม่รู้จักใคร คงทำกิจกรรมไม่สนุกแน่ๆ แต่นี่คือความคิด (ไปเอง) ก่อนที่จะได้เริ่มกิจกรรม


สำหรับระยะเวลา 2 วัน 1 คืนนั้น ประกอบไปด้วยกิจกรรมมากมาย อาทิ กิจกรรมวอล์คแรลลี่ การออกกำลังกายร่วมกันในตอนเช้า การปล่อยปูม้าปู่ไข่เพื่อกลับสู่ท้องทะเล กิจกรรมเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทหารนาวิกโยธินและท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โครงการอนุรักษ์เต่ากองทัพเรือ เป็นต้น ในช่วงกลางคืนจะเป็นกิจกรรมสันทนาการ โดยตัวแทนของแต่ละชั้นปีจะมาแสดงความสามารถอย่างสนุกสนาน เพื่อทุกคนจะได้ผ่อนคลายจากกิจกรรมทางวิชาการในช่วงกลางวันที่ผ่านมา บอกได้เลยว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ ที่ทุกคนได้แสดงออกมานั้น นี่คือพลังแห่งความคิดจริงๆ ทุกคนต่างก็แสดงความคิดเห็นเพื่อให้การแสดงออกมาลุล่วงด้วยดี ในคืนนั้นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับฉัน เป็นการแสดงของพี่ๆ ชั้นปีที่ 4 ได้ร้องเพลงพระคุณที่สามเพื่อแสดงความเคารพรักให้แก่อาจารย์ในสาขาฯ เพลงนี้เป็นเพลงที่ได้ยินและร้องเองมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้อาจด้วยความตั้งใจในการดูและฟังเป็นอย่างมาก ทำให้น้ำตาไหลออกมา อาชีพ “ครู” ได้รับการเปรียบเทียบเสมือนเป็นเรือจ้าง ทำหน้าที่สั่งสอนลูกศิษย์จนกระทั่งถึงฝั่งฝัน วนเวียนจากการส่งลูกศิษย์รุ่นหนึ่ง และรอรับรุ่นต่อๆ ไป ดังนั้นเรือจ้างลำนี้จึงผ่านคน (ลูกศิษย์) หลากหลายเพื่อเติบโตและเดินจากไปใช้ชีวิตของเขาเอง ในมุมมองของฉัน ความก้าวหน้าความภาคภูมิใจของคนเป็นครู คงหนีไม่พ้นการได้มองลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ และมีชีวิตที่ดีมีความสุขเพื่อจะได้กลับมาเยี่ยมเยียนเรือจ้างลำนี้


ทุกๆ กิจกรรมทำให้ฉันได้มองเห็นสังคมในมุมที่กว้างมากขึ้น ฉันได้พัฒนาตนเองและปรับเปลี่ยนความคิด โดยเฉพาะสิ่งที่ได้รับจากการทำกิจกรรมวอล์คแรลลี่ แต่ละฐานแม้จะเหนื่อยแต่ก็แฝงมาด้วยความสนุกสนานและมิตรภาพ ทำให้ได้ปรับทัศนคติของตัวเอง เพราะคิดมาตลอดว่าการอยู่ร่วมกันหลายๆ คนแน่นอนว่าจะต้องนำพามาซึ่งปัญหา และความวุ่นวาย ซึ่งจากการได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทำให้เรามองใหม่ คิดใหม่ การที่เราได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกันจะทำให้เรามองเห็นความแตกต่างและเริ่มปรับตัว แม้อาจะต้องใช้เวลามากน้อยแตกต่างกันไป แต่สำหรับระยะเวลา 2 วัน 1 คืนนั้น ความกลัวและความกังวลในตอนแรกนั้น ได้หายไปอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน เวลาที่พวกเราชาวค่ายได้ใช้ร่วมกันนั้นทำให้พวกเรากล้าทักทาย กล้าทำความรู้จักกันมากขึ้น จากที่เดินเจอกันที่คณะแล้วเดินผ่านกันไป กลับไปคราวนี้พวกเราคงได้มีสถานะความสัมพันธ์ที่มากขึ้นกว่าคนเรียนสาขาฯ เดียวกัน แต่จะกลายเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องในสาขาฯ เป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนแปลกหน้า


และนี่คือควันหลงจากค่าย #เอกไทยมอรังสิต
Content BY: นางสาวพนิดา อิ่มเงิน นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร คณะศิลปศาสตร์ ม.รังสิต
"