คุณรู้ไหม? กว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร ซีรีย์ มิวสิควิดีโอ โฆษณา ที่สร้างความประทับใจให้กับคนดูสักเรื่อง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
คนที่อยู่หลังเลนส์หรือผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผลงานนั้นๆ ประสบความสำเร็จ เพราะผู้กำกับคือคนที่ต้องทำความเข้าใจและควบคุมการผลิตงานทุกขั้นตอนในกองถ่าย
ขณะเดียวกันในวันที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานแทบจะทุกวงการ การนำเสนอเรื่องเล่าของนักเล่าเรื่องอย่างผู้กำกับจึงไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่สื่อภาพยนตร์อย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงละคร ซีรีย์ มิวสิควิดีโอ หรือแม้แต่ภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งถูกนำเสนอในหลากหลายแพลตฟอร์ม แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้มีทฤษฎีที่ตายตัว หากแต่ต้องอาศัยประสบการณ์และการเรียนรู้ ซึ่งวันนี้จะพาไปพูดคุยกับ 3 ผู้กำกับที่สร้างผลงานที่ได้รับการยอมรับมากมาย ทั้งจากวงการภาพยนตร์ ซีรีย์ และหนังโฆษณา จักรพันธ์-ทิวา-พิชย สามจอมยุทธ์ซึ่งถูกฝึกปรือวิชามาจากสำนักเดียวกัน เป็นศิษย์เก่าสาขาวิชาการภาพยนตร์ดิจิทัล วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ปลายทางแห่งฝัน... เราอยากเป็นผู้กำกับ!
นายจักรพันธ์ วุฑฒกนก ศิษย์เก่าสาขาวิชาการภาพยนตร์ดิจิทัล (รุ่น 5) วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เล่าให้ฟังว่า เพราะมีความฝันว่าสักวันอยากจะเป็นผู้กำกับหนัง จึงตัดสินใจเรียนทางด้านภาพยนตร์ เมื่อได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับการทำโปรดักชั่นต่างๆ งานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทำให้เราได้พบว่าการเรียนภาพยนตร์ ไม่ใช่ทำได้เพียงแค่เป็นผู้กำกับหนังเท่านั้น หลังเรียนจบจึงเข้าสู่วงการทำหนังโฆษณา โดยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้กับบริษัท หับโห้หิ้น บางกอก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสื่อภาพยนต์โฆษณาที่มีชื่อเสียง โดยได้เรียนรู้งาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาพอสมควร จึงรู้ว่าความจริงแล้วเรียนทางด้านนี้ยังไปได้อีกหลายทางในสายงานด้านโปรดักชั่น ปัจจุบันเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา และเปิด Production House โปเตมัสทรูพ นอกจากนี้ ยังนำประสบการณ์ในวงการภาพยนตร์โฆษณามาให้ความรู้แก่น้องๆ ที่เรียนภาพยนตร์ โดยเป็นอาจารย์พิเศษที่สาขาวิชาการภาพยนตร์ดิจิทัล ม.รังสิต อีกด้วย
นายทิวา เมยไธสง ศิษย์เก่าสาขาวิชาการภาพยนตร์ดิจิทัล (รุ่น 6) วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า “สมัยเรียนมักเจอคำถามว่า เรียนด้านนี้จบไปจะไปเป็นผู้กำกับ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางคนบอกว่า ทำหนังไม่มีกิน ไปไม่รอด จะไหวเหรอ... แต่เรามีความตั้งใจจะเป็นผู้กำกับหนัง เราจึงพร้อมจะไปให้สุดในเส้นทางนี้ ก็มานั่งคิดว่าเรียนจบด้านนี้ถ้าไม่ทำหนังแล้วจะทำอะไร นี่คือสิ่งที่เรารัก ให้ไปทำอย่างอื่นก็คงไปไม่รอด และหลังเรียนจบจึงมีโอกาสเดินเข้าไปค่ายหนังเพื่อเสนอบทหนังของเรากับนายทุน แม้ว่าการทำหนังเรื่องแรกอาจจะยังไม่สำเร็จ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ คิดเสมอว่าเราจะต้องทำและอยู่กับมันให้ได้ เมื่อคิดจะอยู่ในวงการนี้ทุกอย่างมันต้องมีทางไป จึงลองหาวิธีอื่น แนวทางอื่นดู เพราะสิ่งที่เราเรียนมาจากภาพยนตร์รังสิต เรามีความรู้ความสามารถทางด้านถ่ายภาพ การตัดต่อ สิ่งเหล่านี้เป็นเครดิตในการทำงานของเราได้เช่นกัน จากผู้กำกับหนังก็เปลี่ยนบทบาทเป็นผู้กำกับภาพ ด้วยผลงานที่โดดเด่นทางด้านนี้จึงมีคนให้ความสนใจให้เราไปถ่ายงานให้ และผลงานเรื่องแรกในบทบาทผู้กำกับภาพคือ ภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อน... กูรักมึงว่ะ” เป็นหนังที่ได้รับรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมจากรางวัลสุพรรณหงส์ หลังจากนั้นก็มีผลงานให้ได้ชมกันอีกเรื่อยๆ อาทิ ผีช่องแอร์ วงจรปิด เกมส์ปลุกผี ขุนพันธ์ ฯลฯ และผลงานภาพยนตร์ล่าสุดที่กำลังจะเข้าฉายให้ได้ชมกันทุกโรงภาพยนตร์คือ ขุนพันธ์2
นายพิชย จรัสบุญประชา ศิษย์เก่าสาขาวิชาการภาพยนตร์ดิจิทัล (รุ่น 16) วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปัจจุบันเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา ซีรีย์ เเละทำ Production house Secret weapon film เล่าให้ฟังว่า ปลายทางความฝันที่เหมือนกันของเด็กภาพยนตร์คือ การอยากทำหนัง และที่ม.รังสิต สำนักฝึกวิทยายุทธ์ ฝึกปรือฝีมือในด้านต่างๆ เเห่งนี้ สอนให้เรารู้ว่าการทำงานเป็นทีมคือสิ่งสำคัญ ตลอด 4 ปีของการเรียนกับการมีโอกาสได้ผลิตหนัง ได้ออกกองถ่ายหนังกับรุ่นพี่เเละเพื่อนๆ ได้ทำงานเบื้องหลังในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมสอนและสอนให้เราเป็นมากกว่าผู้กำกับ คือ สอนให้เป็นนักเล่าเรื่อง storyteller ที่ละเอียดอ่อน และมีความชำนาญ นำเสนองานออกมาได้ในหลากหลาย นอกจากการเป็นผู้กำกับหนังแล้ว ปัจจุบันยังมีโอกาสได้ทำงานเพื่อนำเสนอในแพลตฟอร์มอื่นๆ อีก ทั้งซีรีย์ และมิวสิควิดีโอ ซึ่งผมก็พบว่างานเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งศาสตร์ของการเล่าเรื่องที่ไม่ใช่อยู่ในแพลตฟอร์มของภาพยนตร์ แต่มีวิธีการถ่ายทำที่คล้ายกับภาพยนตร์ และไปอยู่ในแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Netflix, Youtube, LineTV เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่องทางการนำเสนออาจจะเปลี่ยนไป จากฟิล์มสู่ดิจิทัล แต่หัวใจหลักของการเป็นนักเล่าเรื่อง และการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองในนำเสนอผลงานอย่างเต็มที่เพื่อตอบโจทย์ของผู้ชมจะยังคงอยู่
ใจบันดาลแรง... สู่แรงบันดาลใจ และกระบวนการคิดในการสร้างงาน...
“ในส่วนของการผลิตงานด้านภาพยนตร์โฆษณา สิ่งที่ต้องพยายามหาเพื่อมาต่อยอดงานคือ การหา Big Idea ส่วนเรื่องของการกำกับภาพยนตร์โฆษณา ผู้กำกับจะต้องทำความรู้ความเข้าใจในส่วนของแนวคิดหลัก หรือธีมของโครงเรื่องก่อน แล้วจึงตีความออกมาโดยใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งก็มีวิธีการถ่ายทำคล้ายกับภาพยนตร์ แต่การเล่าเรื่องต่างกัน คือการเล่าในแบบที่สั้นกว่า อาจจะภายใน 30 วินาที หรือ 1 นาที ก่อนผลิตงานต้องมีการหา Reference สืบค้นข้อมูล ซึ่งผลงานภาพยนตร์โฆษณาที่ออกมานั้นจะตรงตามเป้าหมาย ประสบผลสำเร็จหรือไม่ เมื่อนำผลงานภาพยนตร์โฆษณาเสนอออกสู่สายตาผู้บริโภค ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ของผู้กำกับแต่ละคนด้วยเช่นกัน" จักรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติม
ในส่วนของกระบวนการคิดเเละการผลิตงานหลายอย่างเราซึมซับมาตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิต การเขียนบท การเล่าเรื่อง ฯลฯ สำหรับผลงานภาพยนตร์โฆษณาก็มีมาให้ได้ชมอยู่เรื่อยๆ สามารถเข้าไปดูตัวอย่างได้ที่ https://vimeo.com/user35049399
“ผมในฐานะที่อยู่ในวงการหนัง และมีโอกาสได้ผลิตงานมาแล้วหลายเรื่อง จากที่เคยฝันว่าเราจะเป็นผู้กำกับ เมื่อได้ทำงานก็รู้ว่าเรายังไปในสายงานอื่นอีกได้ และได้ฝากผลงานไว้ให้หลายคนได้ชมมาแล้วในหลายเรื่อง เช่น ผีช่องแอร์ วงจรปิด เกมส์ปลุกผี ขุนพันธ์ ฯลฯ จากการเรียนรู้สู่ความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานก็ทำให้ผลงานเรื่อง ‘เพื่อน... กูรักมึงว่ะ’ ได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ ‘กำกับภาพยอดเยี่ยม’ ซึ่งทุกอย่างเราเราเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จากการได้ลงมือทำ ได้ลองผิดลองถูก สมัยเรียนเราอาจจะทำหนังเพื่อตัวเอง ทำเพียงเพื่อส่งอาจารย์ ขณะที่ในสายอาชีพสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงคือคนดูว่าเค้าคาดหวังอะไรจากงานเราบ้าง ผมเป็นคนหนึ่งที่ทำหนังไม่ห่วงตลาดมากนัก แต่ทุกผลงานที่ทำผมตั้งใจ อยากให้คนดูประทับใจกับสิ่งที่เรานำเสนอ และล่าสุดมีผลงานกำกับภาพเรื่อง ขุนพันธ์2 ซึ่งจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เร็วๆ นี้ สามารถติดตามชมกันได้” ทิวา กล่าว
ติดตามชมภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์2 วันที่ 9 สิงหาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์
“ในการผลิตงานไม่ว่าจะซีรีย์ หรือ มิวสิควิดีโอ เราไม่มีทางรู้เลยว่าทำแบบไหนจึงจะโดนใจคนดู แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากการทำงานคือ การเอาตัวเองลงไปศึกษากลุ่มคนดูว่าอะไรคือสิ่งที่เค้าต้องการ แต่ก็ไม่ใช่ทำตามใจคนดูทั้งหมด มันคือการเจอกันครึ่งทางระหว่างคนดูเเละผู้ผลิตงาน คนดูชอบงานแบบไหน เราจะเอาตัวตนของเราไปนำเสนอโดยใช้วิธีการแบบไหน เราต้องรู้จักคนดูให้มากขึ้น ไม่ว่าจะทำซีรีย์ มิวสิควิดีโอหรือละคร วิธีการถ่ายทำก็ยังคงใช้ศาสตร์ทางด้านภาพยนตร์อยู่ หัวใจหลักก็คือการเล่าเรื่อง การสื่อสารให้โดนใจคนดู เราทำซีรีย์วัยรุ่น เรายิ่งต้องเรียนรู้ไลฟ์สไตล์ว่าวัยรุ่นเค้าเป็นยังไง” พิชย กล่าวเสริม
สำหรับผลงานที่ผ่านมา อาทิ ผู้กำกับและเขียนบท Project S The series เรื่อง SPIKE! จาก GDH เขียนบทและกำกับร่วม Hormones The Series Season 2 และ 3 ผู้กำกับและ Producer ผลิตมิวสิควิดีโอให้กับศิลปิน อาทิ วง Paradox, Slot Machine, โต๋ ศักดิ์สิทธิ์, ฟักกิ้ง ฮีโร่ เป็นต้น
#ความเหนียวแน่นของเด็กภาพยนตร์รังสิตจากวันเรียนถึงทำงาน
เพราะทุกเส้นทางมีเรื่องราว และพวกเขาทั้ง 3 คน จักรพันธ์-ทิวา-พิชย คือผลิตผลของภาพยนตร์ ม.รังสิต ที่สร้างผลงานเป็นที่ประจักแก่สายตาผู้ชม มีรางวัลการันตีความสามารถ คือคนทำหนังจากวงการต่างๆ ทั้งภาพยนตร์ ละคร ซีรีย์ และภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ปูพื้นฐานและเป็นต้นทางของคนรักการทำหนังในวันแรกเริ่มของพวกเขาคือ “สาขาวิชาการภาพยนตร์ดิจิทัล ม.รังสิต”
“ภาพยนตร์รังสิต โดดเด่นมาจากงานโปรดักชั่น และที่นี่สอนให้เราลุยงานจริง....”
"