ภาพถ่ายเรียกว่าเป็นงานศิลปะที่สะท้อนมุมมองบางอย่างที่อยู่รอบๆ ตัว สิ่งแวดล้อม และสังคม การเลือกถ่ายภาพที่ได้เลือกคอนเซ็ปต์เอง เลือกมองสิ่งที่รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง เลือกบรรยากาศจากสิ่งแวดล้อมที่ชอบ การถ่ายภาพในบริบทที่มีความชอบความสุขสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนในการสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายให้ออกมาเป็นศิลปะที่ดีได้ และการเรียนศิลปะภาพถ่ายจะช่วยพัฒนาเทคนิคการถ่ายภาพให้มีศิลปะมาก และอาจนำไปปรับใช้ในชีวิต หรือใช้กับสังคมได้ หมายความว่าเราต้องมีความยืดหยุ่นตัวเองในการที่จะใช้วิชาการถ่ายภาพไปสู่อาชีพที่เหมาะสมและประกอบวิชาชีพได้
น้องๆ นักศึกษาสาขาศิลปะภาพถ่ายทั้งสามคนนี้เป็นนักศึกษา เป็นนักศึกษาที่เลือกเรียนศิลปะภาพถ่ายเพราะความหลงใหลในการถ่ายภาพ ซึ่งภาพที่พวกเขาได้เริ่มต้นถ่ายและสะสมมาล้วนเกิดจากความชอบและตัวตนของพวกเขา นายชาคริสต์ เจือจ้อย นายสรวิศ ธุระพันธ์ และนายศิวกรณ์ เจริญโยธิน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาศิลปะภาพถ่าย วิทยาลัยการออกแบบ ม.รังสิต ที่รังสรรค์งานภาพถ่ายจนได้รับรางวัลดีเด่น Distinguished Prize สาขาภาพถ่าย โครงการรางวัลยุวศิลปินไทย Young Thai Artist Award 2018 ที่จัดขึ้นโดย มูลนิธิเอสซีจี
เมื่อได้พบปะพูดคุยกับน้องๆ แต่ละคนก็เอ่ยปากว่าไม่ได้คิดว่าถ่ายภาพอะไรแล้วคนจะมาสนใจหรือมาดูมากมายอะไร ในความคิดเพียงคิดว่าอยากถ่ายเพราะตัวเราสนใจ และชื่นชอบในด้านนั้นๆเท่านั้นเอง อีกประการหนึ่งอย่างอยากหามุม โลเคชั่น ที่เรามองว่าน่าสนใจและอยากให้อื่นได้รับรู้หรือเห็นมุมดีดีเหมือนกับเราบ้าง เพียงต้องการสื่อสารภาพสวยๆ ส่วนคนอื่นจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่เขา เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของแต่ละคนอาจจะเหมือนหรือต่างกัน ผลงานภาพถ่ายที่ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลนั้น พวกเขาเหล่าถึงแนวความคิดว่า
ผลงานภาพ ชื่อ Go Outride โดยนายชาคริสต์ เจือจ้อย เป็นภาพที่สื่อถึงจักรยานคันโปรด โดยถ่ายให้เห็นเงาของตัวเอง ภาพนี้ถ่ายเพราะเป็นคนชอบจักรยาน อยากถ่ายภาพและสื่อสารให้คนที่ชื่ชอบจักรยานเหมือนกันได้เห็นมุมมองที่ชอบเหมือนกัน ผลงาน Life in Neon โดยนายสรวิศ ธุระพันธ์ เป็นงานภาพถ่ายเกี่ยวกับป้ายไฟนีออนตอนกลางคืน โดยตั้งใจถ่ายภาพชุดนี้เพื่อที่จะอนุรักษ์ไว้ เพราะในสมัยนี้ป้ายไฟนีออนเริ่มหายไป หรือถูกถอดออกและเปลี่ยนไปใช้ป้าย LED แทน ผลงาน ชีวิตที่เหมือนจริง โดยนายศิวกรณ์ เจริญโยธิน ผลงานนี้เป็นการตีความหมายผ่านตัวตนของตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องของปรัชญา มายาคติ
ภาพถ่ายสื่อสารอะไรได้บ้าง
ด้วยภาพถ่ายเป็นผลงานที่สะท้อนอะไรได้หลายอย่างทั้งวัฒนธรรม สังคม ศาสนา ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถสื่อสารผ่านภาพถ่ายได้หมดเลย มันจึงเรียกว่าเป็นงานศิลปะ ศิลปะที่ทุกคนสามารถเข้าใจและเข้าถึงมันได้ง่าย หากภาพถ่ายสามารถส่งสารถึงผู้รับได้ และผู้รับสามารถรับรู้สารผ่านรูปภาพได้ นั่นหมายความว่าภาพถ่ายนั้นได้เล่าเรื่องทำให้คนเข้าถึงและรับรู้ได้นั่นเอง ผลงานของน้องๆ ก็เช่นกันเป็นผลงานที่สามารถสื่อสารได้ตามเป้าหมายที่น้องๆ และได้ส่งเขาประกวดจนได้ได้รับรางวัล
นอกจากนี้ น้องๆ ยังบอกด้วยว่าการที่พวกเขาสามารถถ่ายภาพออกมาได้ดี เล่าเรื่องได้ตรงกับเป้าหมายขณะกดชัตเตอร์ รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ของภาพยังมีความลงตัว ทำให้ได้รับการพิจารณาจากกรรมการจนได้รับรางวัลนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้นำเทคนิคจากการเรียนวิชาต่างๆ ของสาขาวิชาศิลปะภาพถ่ายมาช่วย ทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปสะเปะสะปะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความคิด คอนเซ็ปต์ ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ภาพถ่าย ตรงนี้ทำให้พวกเขาได้เปรียบมากกว่าคนที่ไม่ได้เรียนมา รวมถึงการได้ประสบการณ์ ได้ลงมือทำจริงแทบจะทุกอย่าง ที่สำคัญสามารถเลือกทำในสิ่งที่เราชอบที่สุด ทำให้เรามีความเป็นตัวตนในการถ่ายภาพ ความได้เปรียบในเรื่องการเป็นตัวเอง ทำให้ภาพถ่ายมีความเป็นศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก
ฉะนั้น ภาพถ่ายที่เราถ่ายขึ้นมานั้น
ไม่ได้ถ่ายเพื่อให้คนสนใจเท่านั้น แต่อยากให้เข้าใจถึงเรื่องราวที่สื่อออกมาจากภาพ
และภาพนั้น ทำให้คนดูมีความสุขในบริบทที่เขารับรู้ได้นั่นเอง
ผลงานภาพ ชื่อ Go out light โดยนายชาคริสต์ เจือจ้อย
.JPG)
.JPG)
.JPG)
.JPG)
.JPG)
ผลงาน Life in Neon โดยนายสรวิศ ธุระพันธ์
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ผลงาน ชีวิตที่เหมือนจริง โดยนายศิวกรณ์ เจริญโยธิน
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
"