Rangsit University All Star Jazz Orchestra ร่วมแสดงงาน "ดนตรี อว.เทิดพระเกียรติ ธ สถิตในดวงใจ ไทยนิรันดร์”

13 Dec 2021

วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมแสดง “ดนตรี อว.เทิดพระเกียรติ ธ สถิตในดวงใจ ไทยนิรันดร์” ณ ลานริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้จัดการแสดงดนตรีพร้อมกับสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ 48 แห่งทั่วประเทศ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรซึ่งมีวงดนตรีจากสถาบันอุดมศึกษาอีกหลายสถาบัน ร่วมบรรเลงเพลงเทิดพระเกียรติ และจัดแสดงต่อเนื่อง 15 วัน เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมชมการแสดง

 

 

บรรยากาศในงานเป็นการแสดงดนตรีแจ๊สจาก Rangsit University All Star Jazz Orchestra แห่งมหาวิทยาลัยรังสิต นำโดย ผศ.ดร.เด่น อยู่ประเสริฐ คณบดีวิทยาลัยดนตรี พร้อมนักดนตรีแจ๊สอันประกอบด้วยนักศึกษา คณาจารย์ และศิษย์เก่ากว่า 40 คน มาร่วมบรรเลงและขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับคนไทย และเพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีคุณูปการต่อวงวิชาการการดนตรี และคนไทยเสมอมา ภายในงานได้รับเกียรติจาก ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว.เป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ คณะผู้บริหาร อว. ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมชมการแสดง และมีประชาชนชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมชมการแสดง ณ ลานริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ

 

 

สำหรับวง Rangsit University All Star Jazz Orchestra หรือวงแจ๊สออร์เคสตราแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต เป็นหนึ่งในวงแจ๊สออร์เคสตราระดับนักศึกษารุ่นบุกเบิกในประเทศไทย โดยมี ผศ.ดร.เด่น อยู่ประเสริฐ ศิลปินศิลปาธร คณบดีวิทยาลัยดนตรี เป็นผู้อำนวยเพลง และ ผศ.อานุภาพ คำมา เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยเพลง วงแจ๊สออร์เคสตรามหาวิทยาลัยรังสิตได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในการแสดงต่าง ๆ และเป็นที่สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้สำหรับสมาชิกวง ได้ถ่ายทอดนำเสนอบทประพันธ์เพลงจากเหล่าสมาชิกวง รวมไปถึงการนำเสนอบทเพลงแจ๊สอื่น ๆ อีกด้วย ผลงานของวงมีทั้งระดับชาติและนานาชาติ ได้แก่ การแสดงเทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติ อย่างงาน Thailand International Jazz Conference, Sawasdee Jazz Festival, Chiangmai Jazz Festival, China Jazz Education Festival, Taiwan Big Band Madness Festival, and Taichung Jazz Festival เป็นต้น

 

 

บทเพลงที่ได้นำมาบรรเลงภายในงานมีทั้งสิ้น 12 บทเพลง ซึ่งแต่ละบทเพลงสื่อสารออกมาได้อย่างไพเราะและมีความหมาย ได้แก่ บทเพลงพระราชนิพนธ์แสงเดือน (Magic Beams) เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 27 ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. 2501 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย เพลงพระราชนิพนธ์นี้มีลีลาชดช้อย อ่อนหวาน สง่างาม เหมาะสำหรับประกอบการเต้นบัลเล่ต์ จึงได้พระราชทานให้อัญเชิญไปประกอบการแสดงบัลเล่ต์ในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 ต่อมาได้นำออกบรรเลงในงานสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501

 

 

บทเพลงพระราชนิพนธ์แว่ว (ECHO) เป็นเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 41 คำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เอง ในชุดเดียวกันกับเพลงพระราชนิพนธ์ “Still on My Mind”, “Old Fashioned Melody”, “No Moon” และ “Dream Island” และโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร ประพันธ์คำร้องภาษาไทย ซึ่ง ศ.ดร.ประเสริฐ ประสงค์จะรักษาความหมายเดิมของเพลงพระราชนิพนธ์ “Echo” ไว้ จึงแต่งคำไทยจากคำร้องพระราชนิพนธ์ภาษาอังกฤษ และใช้ชื่อภาษาไทยว่า “แว่ว” สำหรับการเรียบเรียงเสียงนั้น พระราชทานทำนองให้ ม.ล.อัศนี ปราโมช นำไปเรียบเรียง ซึ่ง ม.ล.อัศนี เล่าว่า “ตอนแรกที่พระราชทานเพลงนี้ (ยังไม่มีชื่อ) ลงมาให้ผมไปแยกเสียงประสาน ผมก็เอาสาระสำคัญของเพลงนี้มาพิจารณา เห็นว่าช่องโน้ตแรกเป็นคู่ 5 ก็เลยเอาคู่ 5 มาต่อๆกันเป็น introduction ซึ่งฟังแล้วได้ยินเหมือนเสียงสะท้อน จึงคิดว่าอาจเป็นไปได้ที่ภายหลังเพลงพระราชนิพนธ์นี้จึงพระราชทานชื่อว่า “Echo”เพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ โปรดเกล้าฯ ให้นำออกบรรเลงครั้งแรกในงานสังคีตมงคล เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๐๙  บทเพลงที่สามดวงใจกับความรัก (Never Mind the Hungry Men's Blues)  เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๔๙๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย ในงานเฉลิมพระชนมพรรณาปีนั้น (วันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๐) หลังจากได้เสวยพระกระยาหารและนักดนตรีได้รับประทานอาหารแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษ และพระราชทานชื่อว่า Never Mind the H.M. Blues เป็นการตอบปริศนาคำทายที่ว่า H.M. แปลว่าอะไร

 

 

ต่อมาบทเพลงพระราชนิพนธ์พระมหามงคล เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 35 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ.2502 แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่นายเอื้อ สุนทรสนาน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2502 ให้เป็นเพลงประจำวงดนตรีสุนทราภรณ์ ในโอกาสที่ก่อตั้งมาครบ 20 ปี นายเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงจึงได้ขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตตั้งชื่อเพลงว่า "พระมหามงคล" และได้อัญเชิญมาบรรเลงนำประจำวงสุนทราภรณ์มาจนทุกวันนี้ เพลงพระราชนิพนธ์นี้ไม่มีคำร้อง และบทเพลงพระราชนิพนธ์ ไกลกังวล (When), เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 26 ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองขณะประทับอยู่ที่วังไกลกังวล ในพ.ศ.2500 เพื่อพระราชทานให้เป็นเพลงประจำวงดนตรี "อ.ส.วันศุกร์" ใช้บรรเลงเป็นเพลงสุดท้ายก่อนเลิกเล่นดนตรี ได้พระราชทานให้นำออกบรรเลงในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2500 ผู้ประพันธ์คำร้องภาษาไทยคือ นายวิชัย โกกิลกนิษฐ ต่อมาใน พ.ศ.2506 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นาย Rual Maglapus อดีตสมาชิกวุฒิสภาของประเทศฟิลิปปินส์ประพันธ์คำร้องภาษาอังกฤษ ใน พ.ศ. 2514 บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค แต่งคำร้องภาษาไทย "เกิดเป็นไทย ตายเพื่อไทย" เพื่อปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักและหวงแหนแผ่นดินไทย

 

 

ต่อด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์ Oh I say เพลงพระราชนิพนธ์อันดับที่ 21 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2498 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช ประพันธ์คำร้องภาษาอังกฤษ แล้วพระราชทานให้นำออกบรรเลงในงานของสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ สโมสรสวนสราญรมย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2498 เพลงพระราชนิพนธ์นี้ไม่มีคำร้องภาษาไทย  บทเพลงภิรมย์รัก (A Love Story) เพลงพระราชนิพนธ์ชุด "Kinari" ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2502 ประกอบการแสดงระบำบัลเลต์ชุด "มโนห์รา" ทรงแยกและเรียบเรียงเสียงประสานด้วยพระองค์เองทั้งชุด โปรดเกล้าฯให้วงดนตรีสุนทราภรณ์บรรเลงประกอบ การแสดงบัลเลต์ชุดมโนห์รา ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงควบคุมการฝึกซ้อมด้วย พระองค์เอง เพลงพระราชนิพนธ์ชุดนี้ประกอบด้วย A Love Story เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 30ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า จักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษ "A Love Story" และพลเรือตรี ปรีชา ดิษยนันทน์ ประพันธ์คำร้อง ภาษาไทย "ภิรมย์รัก"  บทเพลง Can’t You Ever See เพลงพระราชนิพนธ์อันดับที่ 22 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2498 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษ แล้วพระราชทานให้นำออกบรรเลงในงานรื่นเริง ประจำปีของสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนลุมพินี เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2498 เพลงพระราชนิพนธ์ นี้ไม่มีคำร้องภาษาไทย

 

 

และสามเพลงสุดท้าย ได้แก่ บทเพลงอาทิตย์อับแสง (Blue Day) เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๘ ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันพุธที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๒ ขณะประทับแรมบนภูเขาในเมืองดาโวส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย  ต่อด้วยบทเพลงลมหนาว (Love in Spring) เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 19 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2497 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษ และได้พระราชทานเพลงนี้ออกบรรเลงครั้งแรกในงานประจำปีของสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนลุมพินี เมื่อวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 ต่อมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา แต่งคำร้องภาษาไทยถวาย

 

 

ส่งท้ายด้วยบทเพลงยามเย็น (Love at Sundown) เพลงพระราชนิพนธ์ ยามเย็น เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์ ใน พ.ศ. 2489 ขณะยังทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช เป็นงานทดลองของพระองค์ในจังหวะฟ็อกซ์ทร็อต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย และท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา แต่งคำร้องภาษาอังกฤษ แล้วพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ที่มีคำต้องสมบูรณ์ให้นายเอื้อ สุนทรสนาน นำออกบรรเลงในงานของสมาคมปราบวัณโรค ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 นับเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่นำออกบรรเลงสู่ประชาชน เป็นเพลงที่ร่าเริงแจ่มใสเหมาะสำหรับการเต้นรำในสมัยนั้น

ทั้งหมดนี้เป็นยทเพลงที่วง Rangsit University All Star Jazz Orchestra ได้นำมาบรรเลงมอบให้ผู้ชมทุกท่านได้รับฟังกันอย่างเพลิดเพลิน ที่สำคัญยังทำให้ผู้ฟังชาวต่างชาติได้รู้จักบทเพลงพระราชนิพนธ์ของคนไทยอีกด้วย

"

ผู้จัดทำ

บทความที่คุณอาจสนใจ