“RED SNAPPER” ครบเครื่องเรื่องอุปกรณ์กล้องและบันทึกเสียง

22 Dec 2017

 

         หากพูดถึงความสำเร็จของภาพยนตร์สักเรื่อง แน่นอนว่าไม่เพียงแค่มีบทดี ผู้กำกับดี นักแสดงเข้าถึงบทบาท สื่อสารกับคนดูได้เข้าใจ แต่อีกองค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของอุปกรณ์กล้องที่ใช้ในการถ่ายทำและเรื่องของการบันทึกเสียง ซึ่งในวงการภาพยนตร์ของเมืองไทย วงการละคร หรือโฆษณา ต้องการใช้กล้องถ่ายทำที่มีคุณภาพสูง และหากพูดถึงบริษัทที่เปิดให้เช่าอุปกรณ์กล้องและบันทึกเสียง  “RED SNAPPER” คือบริษัทแรกๆ ที่ในวงการเลือกและให้การยอมรับ

นายปรีเทพ บุญเดช (หลง) ศิษย์เก่าสาขาวิชาการภาพยนยตร์และวีดิทัศน์ วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท “RED SNAPPER”  เล่าให้ฟังว่า ตนเองและเพื่อนอีก 2 คนซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่ ม.รังสิต คือ ม.ร.ว.อัมพรพล ยุคล (ปิง) และวิทยา จึงยิ่งเรืองรุ่ง (เฟิร์ส) ได้ตกลงร่วมหุ้นกันเปิดร้านให้เช่าอุปกรณ์กล้องและบันทึกเสียง ภายใต้ชื่อ “RED SNAPPER” เริ่มต้นนับหนึ่งกับกล้องตัวแรกคือ Red One กระทั่งปัจจุบันที่บริษัทมีกล้องคุณภาพหลายรุ่น รวมทั้งอุปกรณ์ถ่ายทำต่างๆ สำหรับกองละครและภาพยนตร์ เรียกว่า ครบเครื่องเรื่องอุปกรณ์กล้องและบันทึกเสียง

“หลังจากเรียนจบได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานกับบริษัทพร้อมมิตร โปรดักชั่น ของท่านมุ้ย-หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งใจจริงอยากทำสายช่างภาพหรือกำกับ แต่กลับได้มาทำทางด้านซาวด์ โดยขณะนั้นที่บริษัทฯ เริ่มจะมาทำหนังเรื่องสุริโยทัย ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปี ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นทุกอย่างของการทำเสียง การมิกซ์เสียง การอัดเสียง มีทั้งซาวด์แมน บูมแมน ซึ่งท่านมุ้ยได้เปิดโอกาสให้ไปหัดทำซาวด์ แต่ใจเราตอนนั่นอยากไปเป็นผู้ช่วย อยากทำคอลเลกชั่น ถ่ายภาพ เขียนบท แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ซึ่งเราก็ทำมันได้ดี ทำงานด้านซาวด์เอนจิเนียริ่งมาประมาณ 4 ปี จำได้ว่าหลังหนังสุริโยทัยจบ ช่วงนั้นกระแสหนังไทยบูมมากปีหนึ่งมีค่ายต่างๆ สร้างหนังออกมาหลายเรื่อง หลังจากนั้นประมาณปี 2552 เป็นช่วงยุคเปลี่ยนผ่านของกล้องฟิล์มไปสู่กล้องดิจิทัลตนและเพื่อนอีกสองคนจึงตัดสินใจรวมหุ้นกันเปิดบริษัทให้เช่าอุปกรณ์กล้องขึ้นมา”

 

ความเป็น “RED SNAPPER” 

            เจ้าของ RED SNAPPER เล่าให้ฟังต่อว่า ตอนที่ตัดสินใจเปิดบริษัทนั้นมองว่าอนาคตกล้องที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์จะต้องเปลี่ยนไปเพราะฟิล์มมีราคาแพง และจะหันมาใช้ดิจิตอลมากขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า ส่วนที่มาที่ไปของคำว่า RED SNAPPER นั้น RED มาจากชื่อบริษัทเมื่องนอก ส่วน SNAP ก็คือ SNAP SHOT แล้วจึงเอามาผสมกันเป็นชื่อบริษัทว่า RED SNAPPER ตอนแรกเริ่มบริษัทเรามีกล้อง RED ONE จำนวน 3 ตัว (ราคากล้อง RED ONE ตอนนั้นประมาณตัวละ 8 แสนบาท) แล้วจึงค่อยขยับขยายมาเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็มีหลายบริษัทที่เป็นคู่แข่ง ซึ่งตอนนั้นหลายบริษัทยังลังเลเรื่องการลงทุนสั่งซื้อกล้องดิจิตอล แต่เรามาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องกล้าจะเสี่ยง เพราะอน่างไรก็ตามอนาคตกล้องดิจิตอลจะเป็นที่นิยม ซึ่งเราก็พบว่าเรามาถูกทาง โดยภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี RED SNAPPER ก็กลายเป็นที่รู้จักในวงการภาพยนตร์และละครที่ต้องการเช่ากล้อง แล้วจึงต่อยอดเพิ่มเติมในส่วนของอุปกรณ์อื่นๆ มาให้บริการด้วย RED SNAPPER จะสร้างสรรค์ผลงานด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย และบริการด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ เป็นธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์กล้องและบันทึกเสียงในการถ่ายทำภาพยนตร์ โฆษณา รายการโทรทัศน์ และรายการอื่นๆ ทุกประเภท

            “RED SNAPPER เป็นบริษัทเล็กๆ ที่กล้าลุย กล้าลงทุน แล้วเราก็สามารถมายืนอยู่ในจุดที่ได้รับการยอมรับในวงการ เราสร้างคอนเน็คชั่นด้วยผลงานและการบริการ สมัยก่อนยังไม่มีสื่อออนไลน์ ทุกอย่างเป็นแบบปากต่อปาก อุปกรณ์และการบริการของเราดีคนใช้บริการก็บอกต่อกัน มีบ้างที่เราเข้าไปเสนอกับค่ายที่จะทำหนังและต่อยอดไปเรื่อยๆ ทั้งหนังและโฆษณา กล้องดี ทีมงานน่ารัก ครั้งต่อไปเค้าก็จะใช้บริการเราอีก ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอดเกือบ 7 ปี ทุกวันนี้เรามีกล้องและอุปกรณ์ต่างๆ ให้เช่าอย่างครบวงจร ในส่วนของกล้องมีการอัพเดทกล้องรุ่นใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถซับพอร์ตความต้องการของลูกค้าได้ตลอด รวมทั้งเรื่องของทีมงานที่ไปดูแลเวลาออกกอง เราจะสอนน้องทุกคนให้รู้จักรับผิดชอบและมีวินัยในการทำงาน เราทำงานกันในลักษณะครอบครัว เป็นแบบพี่น้อง ทุกวันนี้มีน้องในทีมและน้องๆ นักศึกษามาฝึกงานที่บริษัทมากมาย เราพยายามสอนเค้าให้สามารถทำงานได้อย่างมืออาชีพ” 

 

งานของ RED SNAPPER

           หลง-ปรีเทพ เล่าต่อว่า ที่ผ่านมาในส่วนของกองภาพยนตร์ ทางบริษัทมีโอกาสได้ร่วมงานกับค่าย GTH ซึ่งมีคอนเนคชั่นที่ดีต่อกันมาโดยตลอดในการเช่ากล้องและอุปกรณ์ต่างๆ ของบริษัท เช่น หนังดังที่สร้างสร้างได้สูงสุดอย่าง พี่มากพระโขนง และล่าสุดมีโอกาสได้ร่วมงานในหนังเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง หรือแม้แต่ซีรี่ส์ขวัญใจวัยว้าวุ่น ฮอร์โมน ฯลฯ ซึ่งการมีโอกาสได้ร่วมงานเหล่านี้เป็นเหมือนเครดิตที่ดีให้กับบริษัททั้งในเรื่องของอุปกรณ์การถ่ายทำและทีมงานที่ลงไปดูแล ซึ่งสิ่งที่ทำให้ RED SNAPPER โตขึ้นเรื่อยๆ คือ โตขึ้นจากระดับลูกค้าที่ให้การยอมรับและโตขึ้นจากอุปกรณ์ที่พัฒนาไปด้วยกัน ในส่วนของอุปกรณ์เวลามีงานเราจะซับพอร์ตให้เกินไว้หนึ่งตัวคือ กรณีตัวที่ 1 มีปัญหา เราจะนำกล้องตัวที่ 2 สแตนบายให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้ทันที

           “สิ่งที่เราโฟกัสนอกจากเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องซับพอร์ตลูกค้าแล้ว เรื่องของทีมงานก็เป็นสิ่งสำคัญ RED SNAPPER ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ผมพพยายามบีบให้เป็นอุตสาหกรรมครอบครัว งานทุกอย่างเราจะเป็นคนพูดคุยกับลูกค้าเองโดยตรง ซึ่งตรงนี้เราสามารถให้คำปรึกษากับลูกค้าในสิ่งที่เค้าต้องการได้ ในส่วนของน้องๆ ทีมงานผมจะบอกน้องเสมอว่า เราต้องมีความรับผิดชอบ ก่อนเริ่มงานต้องมาก่อนเวลาเพื่อเตรียมของ เซตอุปกรณ์ให้เรียบร้อยก่อนเวลา เมื่อถึงเวลาถ่ายทำจะได้ไม่เสียเวลาให้ทุกคนในกองต้องมารอทีมงาน ซึ่งความรับผิดชอบในหน้าที่คือสิ่งสำคัญไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม” เจ้าของ RED SNAPPER กล่าวเพิ่มเติม 

สิ่งที่ทำกับความสำเร็จในวันนี้...

            “เมื่อก่อนเคยคิดว่าความสำเร็จในชีวิตคือ ต้องมีรถเฟอร์รารี่ขับ มีเงินเยอะ มีกล้องรุ่นดีๆ แพงๆ แต่วันนี้เวลาที่เปลี่ยนไป อะไรหลายอย่างในชีวิตทำให้เราคิดว่า แม้เราอยากได้ อยากได้ สุดท้ายวันที่เราไปจากโลกนี้เราก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย ขอแค่วันนี้เราทำงานที่เรารักให้ดีที่สุด สนุกไปกับสิ่งที่ทำ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการหนังบ้านเรา มีกล้องดีๆ ให้ลูกค้าได้นำไปใช้สร้างงานอย่างคุณภาพ แค่นี้ก็คือเป็นความสุข ความสำเร็จในชีวิตแล้ว ที่สำคัญคือได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้เดินตามความฝันเล็กๆ ของเรา”

หลง-ปรีเทพ เจ้าของ RED SNAPPER กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า หากเปรียบตัวเองเป็นกล้องสักรุ่น คำตอบคือกล้อง RED ONE เพราะคือกล้องตัวแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำบริษัท RED SNAPPER กับเพื่อนๆ ทั้งนี้ กล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่มีปัญหาไม่เสถียร เปรียบเหมือนบริษัทเราที่เปิดช่วงแรกๆ ก็มีปัญหาไม่ลงตัวอยู่บ้าง ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ พัฒนา เหมื่อกล้อง RED ONE ที่พัฒนามาเป็นกล้อง Epic เช่นเดียวกับพวกเราที่ก่อน RED SNAPPER ขึ้นมา เราต้องพัฒนาต้องเองอยู่เสมอ เปิดรับสิ่งใหม่ๆ เหมือนกับการที่กล้องมีการอัพเดทสเปคการใช้งานอยู่ตลอดเวลา            เพราะชีวิตทุกวันคือ... การเรียนรู้ 

 

"

ผู้จัดทำ

บทความที่คุณอาจสนใจ