กว่า 20 ปี กับเส้นทางนักกายภาพบำบัดมือทอง “กภ.วีระศักดิ์ วงษ์ปิ่น”

09 Feb 2018

 

กายภาพบำบัด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งทางการรักษาของผู้รักสุขภาพ ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยหันมารักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัดและเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีผลข้างเคียงน้อย ที่สำคัญเหมาะกับทุกเพศทุกวัย เช่นเดียวกับคลินิกกายภาพบำบัด ภูเก็ต ที่เปิดให้บริการมากว่า 20 ปี โดยมีนักกายภาพบำบัดมือทองอย่างพี่วี-กภ.วีระศักดิ์ วงษ์ปิ่น ศิษย์เก่าคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยรังสิต รุ่นแรก เป็นผู้บริหารงาน ที่มีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

 

 

จุดเริ่มต้นของการศึกษาศาสตร์ทางด้านนี้พี่วี เล่าว่า จริงๆ แล้ว 20 กว่าปีก่อน คณะกายภาพบำบัด ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เหตุผลในการเลือกเรียนสมัยนั้นเพราะว่าด้วยคะแนนสอบ และมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าความน่าสนใจของคณะกายภาพบำบัดก็คือ สามารถเปิดคลินิกส่วนตัวได้ ก็เลยทำให้รู้สึกว่าน่าจะเป็นอาชีพที่น่าสนใจ

 

ความลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์

ด้วยความที่เป็นคนสบายๆ ชอบอะไรใหม่ๆ ชอบสิ่งที่มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ โดยปกติแล้วทางการแพทย์ค่อนข้างสตริกในเรื่องของการรักษา แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบงานศิลปะ ชอบงานทางด้านดนตรี จึงพยายามจะนำสิ่งเหล่านี้มารวมกัน อย่างเช่น เทคนิคในการรักษา พยายามจะค้นคว้าและศึกษาสิ่งใหม่ๆ เพื่อจะนำมาใช้ในงาน จึงไม่ค่อยยึดติดกับอะไรที่ชัดเจนและตายตัว

 

 

จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ

ย้อนกลับไป 20 ปี ที่ภูเก็ตแทบจะไม่มีคลินิกกายภาพ แน่นอนครับเราไม่มีไอดอลเลย แรงบันดาลใจในการเปิดคลินิกก็คือ อยากมีที่ทำงานของเราเองที่เราสามารถแสดงหรือทำในสิ่งที่เราต้องการโดยสมบูรณ์ ดังนั้น แรงบันดาลใจในเบื้องต้นก็เหมือนกับเราเล่นดนตรี เล่นเพลงของคนอื่นมานานเราเลยอยากจะมีเพลงของเราเองบ้าง การทำคลินิกก็เลยเป็นผลมาจากถ้าเรามีคลินิกของเราเอง สามารถรักษาในทิศทางของเราเองได้ก็น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เรามีความสุข เมื่อเรามีความสุขก็จะทำให้คนไข้ได้รับการรักษาที่ดี นั่นคือจุดเริ่มต้นของคลินิกกายภาพบำบัดภูเก็ต

 

 

สำหรับกระแสตอบรับพี่วี เล่าต่อว่า ช่วงแรกคนไทยส่วนใหญ่อาจจะไม่คุ้นหูนักกับกายภาพบำบัด มองว่าเหมือนเป็นคลินิกนวดหรือเปล่า ไม่มียาจะหายได้อย่างไร นวดแล้วจะหายหรือ จึงทำให้มีคำถามเหล่านี้บ่อยๆ ช่วงแรกที่คลินิกจะมีคนไข้ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ประมาณ 80% และเมื่อเวลาผ่านไปในช่วงหลังๆ ผลงานออกไปก็เริ่มได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น เป็นที่รู้จักของคนมากขึ้น จนกระทั่งปัจจุบันโดยรวมแล้วเราพอใจในกระแสตอบรับที่ดีมาก ซึ่งในปัจจุบันจะสังเกตได้ว่ามีคลินิกกายภาพเปิดให้บริการขึ้นเยอะมาก

 

 

แรกๆ กลุ่มเป้าหมายของเราจะเป็นผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องข้อต่อทั้งหลายเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่เราจะพบ เช่น ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกเสื่อม เป็นต้น แต่ปัจจุบันเนื่องจากความรู้ทางการแพทย์ทางด้านกายภาพบำบัดพัฒนาขึ้นมากจึงทำให้กลุ่มคนไข้กว้างขึ้น ดังนั้น กลุ่มคนไข้ในปัจจุบันจึงมีตั้งแต่เด็กเล็กๆ จนถึงผู้สูงอายุ แล้วงานกายภาพเรามองในคนปกติด้วย คือคนที่ไม่มีอาการแต่มีพยาธิสภาพ เช่น เด็กที่มีกระดูกสันหลังไม่ตรง มีอาการบางอย่างที่ผู้ใหญ่อาจจะมองว่าเล็กน้อย อย่างเช่น การปวดหลังเรื้อรัง การปวดตามข้อเรื้อรัง

 

 

สำหรับเด็กๆ นั่นก็เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราเหมือนกัน แล้วกลับพบว่าการรักษาในกลุ่มนี้ได้ผลเห็นผลเร็วกว่าในผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้น กลุ่มเป้าหมายของเราตอนนี้คือ ทั้งผู้ที่มีอาการและไม่มีอาการ เราสามารถตรวจได้ตั้งแต่วัยเด็กถึงผู้สูงอายุ ซึ่งหลักๆ ของการรักษาของที่นี่ก็คือ การทำให้การเคลื่อนไหวของคนไข้เป็นปกติ เช่น การใช้อุลตร้าซาวน์เพื่อลดอักเสบตามข้อต่อต่างๆ หัวใจหลักของคลินิกของเราเลยก็คือ การปรับสมดุลโครงสร้างกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้มีผลกับเรื่องของการลดอักเสบลดปวด ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวนั้นดีขึ้น ซึ่งเราพบว่าหัวใจหลักของโรคมาจากเรื่องนี้

 

 

จุดเด่นของคลินิก

คลินิกกายภาพบำบัด ภูเก็ต มีความแตกต่างจากที่อื่นคือ เราจะเน้นในเรื่องของต้นเหตุของโรค ต้นเหตุของอาการปวดต่างๆ ซึ่งเราพบว่าเป็นเพียงอาการที่ไม่ใช่ต้นเหตุของโรคที่แท้จริง ดังนั้น ความแตกต่างของที่นี่ก็คือ การมุ่งเน้นไปที่หาต้นเหตุของโรคนั้นๆ อย่างเช่น คนไข้อาจจะมาด้วยอาการปวดหลัง แต่อาการปวดหลังนั้นอาจจะพบว่าต้นเหตุจริงๆ อาจจะมาจากกระดูกต้นคอเบี้ยวก็ได้ ซึ่งการรักษาก็จะไปเน้นที่กระดูกต้นคอมากกว่าบริเวณที่ปวด อย่างนี้เป็นต้น

 

 

สุดท้ายพี่วีได้ฝากถึงผู้ที่อยากมีคลินิกเป็นของตัวเองไว้ด้วยว่า คลินิกกายภาพบำบัดเป็นธุรกิจเฉพาะทาง แน่นอนว่าคนที่ทำจะต้องเป็นคนที่มีความรู้ทางกายภาพ สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากคือ โดยส่วนตัวอยากให้น้องๆ ทุกคนที่จบทางด้านกายภาพบำบัด ควรจะมีคลินิก ในเบื้องต้นจะมองว่าเป็นห้องแล็บ เป็นสตูดิโอของเรา ที่เราจะได้ทำงานในส่วนของเรา แนะนำว่าควรจะมี ส่วนใครจะพัฒนาต่อเป็นในลักษณะแบบไหนขึ้นอยู่กับตัวบุคคล แต่ในสายงานนี้ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทุกคนมีคลินิกครับ

 

 

 

 

"

ผู้จัดทำ

บทความที่คุณอาจสนใจ