“การเรียนทำให้มีงานทำ การทำกิจกรรมสอนให้ทำงานเป็น”
ในยุคที่การเรียนรู้มีมากกว่าในตำราเรียน การเรียนการสอนปัจจุบันจึงถูกออกแบบให้ผู้เรียนได้ออกไปสัมผัสกับประสบการณ์นอกห้องเรียน ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับ หนุ่มนักศึกษานิเทศศาสตร์ ม.รังสิต คนนี้ ที่นอกจากจะเรียนดีแล้ว เขายังเป็นนักกิจกรรมตัวยงของคณะอีกด้วย โดยเฉพาะด้านการสร้างสรรค์สื่อ

นายปภังกร บำรุงเมือง หรือ บาส นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาวิทยุและโทรทัศน์มัลติแพลตฟอร์ม วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การเรียนทางด้านนิเทศศาสตร์ ผู้เรียนได้เรียนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นเป็น Project Base เป็นการผลิตงานสร้างสรรค์ต่างๆ ทั้ง งานข่าว สารคดี คลิปวิดีโอ หนังสั้น ฯลฯ โดยก่อนที่จะเป็นผลงานสร้างสรรค์เหล่านี้จะต้องผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์ การถ่ายทำ การจัดแสงฉาก การตัดต่อ เป็นต้น นอกจากจะมีการฝึกปฏิบัติลงมือทำในคลาสเรียนต่างๆ แล้ว นักศึกษายังสามารถต่อยอดความรู้เพิ่มเติม พัฒนาทักษะความรู้ด้านต่างๆ รวมทั้งกระบวนการทำงานผ่านการทำกิจกรรมเพื่อเรียนรู้การทำงานเป็นทีม ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาตนได้เข้าร่วมกิจกรรมของคณะอยู่เสมอ โดยก่อนหน้ามีโอกาสร่วมจัดงานสัมมนา Content Marketing สร้างทางรอด ต่อยอดสื่อสร้างสรรค์ ซึ่งงานนี้ตนและเพื่อนอีกหลายคนช่วยกันจัดขึ้นและช่วยกันดำเนินการในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับการผลิตสื่ออีกหลายกิจกรรม และล่าสุดได้เข้าร่วมค่ายสังคมสงเคราะห์สัญจรครั้งที่ 62

ค่ายสังคมสงเคราะห์สัญจรครั้งที่ 62

“สำหรับกิจกรรมค่ายนี้ เป็นลักษณะของการแนะแนวการศึกษา โดยมีผู้เข้าร่วมหลากหลายคณะวิชา เราจึงคิดว่าตลอด 4 ปี ไม่เคยได้ไปทำกิจกรรมอะไรแบบนี้ จึงอยากไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนต่างมหาวิทยาลัยดูบ้าง จึงตัดสินใจเข้าร่วมค่ายครั้งนี้ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยและเปิดโลกทัศน์ทางการศึกษาให้แก่น้องๆ ที่ต่างจังหวัดด้วย และยังได้เพื่อนใหม่ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งการสร้างสรรค์สื่อและการทำงานร่วมกันได้” นายปภังกร กล่าว


นายปภังกร เล่าต่อว่า ประสบการณ์ที่ได้รับจากค่ายนี้ หลักๆ เลยทำให้เราได้พัฒนาในเรื่องของการสื่อสาร การพูด และการเตรียมตัวในเรื่องในเราจะพูดเกี่ยวกับนิเทศศาสตร์ ซึ่งต้องทำการบ้าน หาข้อมูลค่อนข้างมาก เพราะต้องการสร้างความน่าสนใจให้น้องๆ ที่มาเข้าฟังบูธของนิเทศศาสตร์ น้องๆ ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง รวมไปถึงการพูดโน้มน้าวให้น้องๆ ที่มาฟังรู้สึกว่าการเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และควรจะเตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมออกไปสู่โลกที่กว้างขึ้น ซึ่งค่ายที่ผมครั้งนี้จัดที่โรงเรียนเซิมพิทยาคม ซึ่งประธานจัดค่ายได้เล่าว่า มาสำรวจดูแล้วพบว่า ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย มีเด็กกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เรียนจบมัธยมปลายแล้วไม่ได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เห็นว่า ควรที่จะมีการพัฒนาการศึกษาอย่างจริงจังแล้วหรือเปล่า ไม่ได้จะบอกว่าทุกคนจะต้องเรียนมหาวิทยาลัยดังๆ ความจริงแล้วคุณจะไปเรียนต่อที่ไหนก็ได้ที่อยากเรียน ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ เอกชนหรืออาชีวะ และนักเรียนควรจะได้รู้ว่ายังมีการศึกษาอีกมากที่สามารถเข้าถึงได้

“ผมภูมิใจกับทุกกิจกรรมที่มีโอกาสได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเล็กหรือใหญ่ เพราะทุกกิจกรรมเราเต็มที่กับมัน เวลาเราทำกิจกรรมจะคิดแค่ว่า ทำแล้วเราได้อะไรบ้าง ทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างไร และสำหรับการเรียนและทำกิจกรรมไปด้วยนั้นก็ยังสอนและให้ประสบการณ์หลายอย่างที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้ และยิ่งเราเรียนด้านสื่อ การได้ทำกิจกรรมที่ทำให้เราได้ใช้ความรู้ความสามารถสร้างสรรค์สื่อเพื่อสังคมด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เราพัฒนาฝีมือและนำไปต่อยอดได้ในอนาคต” นักกิจกรรมคนเก่งของเรา กล่าวทิ้งท้าย

"