ในเส้นทางแห่งการเติบโตของแต่ละคนนั้น เหมือนหนังชีวิตเรื่องหนึ่งที่มีผู้กำกับและนักแสดงคือตัวเราเอง ที่จะกำหนดเส้นทางการดำเนินเรื่องให้เป็นไปในทิศทางใด ว่าอยากให้เรื่องราวนั้นเรียบง่ายดำเนินไปอย่างช้าๆ หรือเนื้อเรื่องชวนให้ท้าทาย และน่าติดตาม เช่นเดียวกันกับเธอคนนี้ นางสาวภัทรภร พงษ์พิกิจ (พลอย)นักศึกษาสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เรื่องราวชีวิตที่เธอเลือกนั้นต้องก้าวผ่านความกดดันต่างๆ มาไม่น้อยเลย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ทำให้เธอนั้นผ่านมาได้อย่างภาคภูมิใจ
พลอยถือเป็นผู้หญิงหัวใจแกร่งคนหนึ่งที่ไม่เคยยอมแพ้กับอุปสรรค หรือปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาให้เธอนั้นต้องเผชิญหน้า เธอพร้อมที่จะต่อสู้และก้าวผ่านมันไปให้ได้ด้วยสองมือของเธอ พลอยนั้นเลือกที่จะเข้ามาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยรังสิตแห่งนี้ อย่างตั้งใจจริง เธอคาดหวังที่จะได้พบเจอเพื่อนและสังคมที่ดีในมหาวิทยาลัย ทว่าการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้ ทำให้ครอบครัวของเธอนั้นไม่เห็นด้วยเอาซะเลย แต่ด้วยความมุ่งมั่นของเธอทำให้เธอเลือกที่จะทำตามความตั้งใจของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอนั้นออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
“ทางบ้านมีผู้ใหญ่หลายท่านเลยค่ะที่เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่เราเลือกเรียนเอกชน เขาก็บอกกับเราว่าถ้าจะเรียนก็ไปหาเงินเรียนเองนะ และด้วยความตั้งใจจริงของเรา ก็รู้สึกว่าโอเคเราหาเงินเรียนเองก็ได้ ท่านก็ให้เงินเรามาก้อนหนึ่ง 30,000 บาท ซึ่งในตอนนั้นก็เครียดอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะมีในส่วนของค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่เราต้องหันมารับผิดชอบ ก็เลยคิดว่าต้องหางานทำไปด้วยในระหว่างเรียน ก็เริ่มหางานทำตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 4 เลยค่ะ งานแรกที่ทำคือร้านขนมค่ะ ร้านที่สองเป็นร้านไอศกรีมเจลลา ร้านที่สามเป็นร้านแกงกระหรี่ และร้านสุดท้ายคือร้านนมค่ะ ”
และแน่นอนเมื่อเราทำหลายสิ่งหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน ปัญหาที่ต้องตามมาคือการบริหารจัดการเวลาได้ไม่ลงตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบไปถึงการเรียน เช่นเดียวกันกับพลอย ที่ในช่วงแรกๆ ของการทำงาน เธอรู้สึกสนุกกับงานที่เธอทำ จนเริ่มใส่ใจการเรียนน้อยลง และเอาเวลาไปทุ่มกับการทำงานเป็นส่วนใหญ่เพียงเพราะต้องการที่จะหาเงิน จนทำให้การเรียนของเธอนั้นเริ่มมีปัญหา เกรดตก และเริ่มเรียนไม่เข้าใจ
“ในตอนนั้นพลอยเองก็รู้สึกเครียดนะคะ เพราะเราเข้าใจว่ายังไงเราก็ทำข้อสอบได้แน่นอนเพราะพลอยเองก็มีพื้นฐานจากมัธยมปลายมาพอสมควร ทำให้พลอยเองชะล่าใจไป พอขึ้นช่วงปี 2 เราต้องเรียนญี่ปุ่นมากขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่าปล่อยเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว พลอยเริ่มที่จะจัดการเวลาให้ดีขึ้น โดยเริ่มจากการหางานใหม่ เลือกงานที่เราสามารถจัดการเวลาได้ จนถึงปี 3 หลายๆ อย่างเริ่มลงตัวมากขึ้น พลอยเองก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการร้าน ตอนนั้นก็เข้าใจว่างานคงจะน้อยลง แต่กลายเป็นว่าเราต้องรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่าทำทุกอย่างแทนเจ้าของร้านเลยค่ะ จนทำให้พลอยเองต้องเลือกที่จะ Drop เรียนไปหนึ่งปี ซึ่งก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยค่ะว่าตัวเองจะต้องมา Drop เรียน ”
แต่ในระหว่างที่พลอย Drop เรียนนั้น สาวน้อยคนเก่งคนนี้ก็ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ เธอเลือกที่จะลงเรียนระหว่างนั้นไปด้วย ในคณะเทคโนโลยีอาหาร ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วนั้นเธอมีความชื่นชอบในการทำอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงตัดสินใจที่จะนำเงินเก็บส่วนหนึ่งที่มีมาลงทุนในธุรกิจขนมของเธอ ซึ่งเธอเองก็นำความรู้ที่ได้เรียนจากคณะเทคโนโลยีอาหารมาใช้ในการสร้างรายได้ให้กับเธอ จนเกิดเป็นเพจขายขนมออนไลน์ “GrizzBrown” หลายๆ อย่างเริ่มกลับมาลงตัวมากขึ้น เธอก็ตัดสินใจกลับไปเรียนอีกครั้ง โดยได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ในภาค ที่คอยอธิบายและให้คำแนะนำต่างๆ ในเรี่องที่เธอนั้นไม่เข้าใจ
“ซึ่งในจุดนี้เองมันก็ทำให้เราได้เห็นจุดเปลี่ยนต่างๆ ในตัวเองมากขึ้น ได้เห็นว่าเราโตขึ้นมากเมื่อมองย้อนกลับไปในวันนั้น ซึ่งก็ไม่มีใครคิดว่าเราจะทำได้ ต้องบอกว่าที่ ม.รังสิต อาจารย์ท่านให้คำปรึกษาที่ดี และให้การ Support ในหลายๆ ด้าน เป็นสังคมมหาลัยที่พลอยมีความสุขมากๆ มีอาจารย์ภาคที่คอยใส่ใจดูแลเราและท่านก็มักจะมีทางออกที่ดีให้กับเราเสมอ ทำให้พลอยสามารถค่อยๆ ปรับตัวและหันมาบริหารช่วงเวลาชีวิตตัวเองได้ลงตัวมากขึ้น”
และนอกจากเพจขายขนมออนไลน์อย่าง “GrizzBrown” แล้วพลอยเองก็ยังคงไม่หยุดที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบนั่นคือการบอกต่อเรื่องราวความอร่อยของอาหารสำเร็จรูปที่มีอยู่หลากหลายและเมนูใหม่ๆ ที่แปลกตา กับเพจ “สำเร็จรูป” เป็นเพจรีวิวอาหารสำเร็จ ตอบสนองคนยุคใหม่วัยทีนที่ความรวดเร็วนั้นต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งเพจนี้พลอยเองก็เปิดมาราว 10 เดือนแล้ว กระแสตอบรับในช่วงแรกอาจจะไม่ดีนัก ทั้งทางครอบครัวก็เห็นต่างกับการทำเพจออนไลน์ของเธอว่าคงไปไม่ได้ไกล “ทางครอบครัวท่านไม่ค่อยเห็นด้วยค่ะกับการทำเพจออนไลน์ ท่านมองว่าการทำงานประจำดูจะคุ้มค่ามากกว่าที่จะมาทำอะไรแบบนี้ ซึ่งจุดเล็กๆ ตรงนี้เองที่ทำให้พลอยรู้สึกมีแรงผลักดันให้เราอยากที่จะทำให้มันสำเร็จ ให้ทุกคนเห็นว่าเรานั้นสามารถยืนได้ด้วยตัวของเราเอง เราสามารถจัดการมันได้ ซึ่งก็ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเรากับทางครอบครัวด้วยค่ะ”
ในฐานะที่ดูแลเพจอยู่หลากหลายประเภท พลอยนั้นมองว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการทำเพจนั้นคือการสร้าง Content และการสื่อสาร ในบาง Content ที่เราคิดได้ บางทีอาจจะมีคนบางกลุ่มเคยทำไปแล้ว เราก็ต้องมานั่งคิดค้น Content ใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ และสิ่งหนึ่งที่คนทำเพจจะต้องเจอคือการมีคู่แข่งเกิดขึ้นใหม่ในทุกๆ วัน พลอยเองก็ยอมรับกับเราว่าบางทีก็รู้สึกท้อเหมือนกัน แต่ไม่มีวันถอยแน่นอน เพราะเธอมองว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นให้ประโยชน์กับตัวเธอในหลายๆด้าน ทำให้เธอนั้นมีทักษะในตัวที่หลากหลายทั้งทำขนม คิด Content ตัดต่อ วางแผน ทุกอย่างหล่อหลอมให้เป็นเธอในทุกวันนี้ และแน่นอนว่าในอนาคตนั้นเธอตั้งใจจะสานต่อดูแลเพจทั้ง 2 ไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
“และสำหรับใครที่กล้าๆ กลัวๆ กับการเริ่มต้นทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยนั้น ต้องลองเปลี่ยนความคิดใหม่สักครั้ง จริงๆ แล้วโลกของการทำงานนั้น มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะคะ มันถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ จริงๆ แล้วมันมีหลายสิ่งหลายอย่งบนโลกนี้ที่รอให้เราก้าวเข้าไปเพื่อเรียนรู้ ดังนั้นมันเป็นประสบการณ์ที่ท้าทาย และน่าเข้าไปลอง ซึ่งมันไม่ได้น่ากลัวเลย มันอาจจะมีเรื่องแย่ๆ ผ่านเข้ามาบ้าง ณ ตอนนั้นเราอาจจะรู้สึกแย่นะคะ แต่ถ้าเราไม่เคยก้าวเข้าไปเรียนรู้เลย เราก็จะไม่ค้นพบวิธีที่จะแก้ปัญหาเพื่อผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้เลย ”
แต่การเรียนก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะการศึกษาจะทำให้เรามีทักษะความรู้มากพอที่จะไปต่อสู้ในสังคม สิ่งหนึ่งที่พลอยประทับใจมากคือ อาจารย์ ท่านให้เรามากกว่าความรู้ในตำราเรียน แต่ท่านสอนให้เราเรียนรู้การใช้ชีวิตไปด้วยเพื่อเป็นเหมือนเครื่องมือที่เราจะหยิบออกมาใช้ในช่วงชีวิตวัยทำงานของเราได้
"