“ภาษา” คือสมบัติสุดล้ำค่า เปรียบเสมือนใบเบิกทางสู่สายอาชีพที่มั่นคง ทุกวันนี้เราคงต้องยอมรับแล้วว่า ภาษานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถนำพาเราไปยังแหล่งเรียนรู้ได้ทั่วทุกมุมโลก และทำให้หลายๆ คน เกิดแรงบันดาลใจ และหันมาเอาดีทางด้านภาษากันมากขึ้น เช่นเดียวกับเธอคนนี้ นางสาว ภิญญาภัสส์ เลิศฤทธิหิรัญวัต (กิ๊ก) ศิษย์เก่าจากสาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปัจจุบันนี้เธอได้มีโอกาสเข้าไปร่วมงานกับ บริษัท Carnival Cruise Line บริษัทเรือสำราญสัญชาติอเมริกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากคนที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความชอบและหลงไหลในเสน่ห์ของภาษา จึงทำให้เธอ มุ่งมั่น ตั้งใจ และฝึกฝนจนได้ก้าวเข้าไปทำงานสุดท้าทายบนเรือสำราญกับบริษัทระดับโลก เธอเล่าว่าหลังจากที่จบ ม.6 เธอตั้งใจอยากที่จะเรียนเอกภาษาอังกฤษ จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลจากคนรอบข้างบ้าง จากอินเทอร์เน็ตบ้าง จนมาพบว่า ม.รังสิต นั้นเคยได้รับการประเมินจาก สมศ. (สำนักงานรับรองคุณภาพการศึกษา) ให้อยู่ในกลุ่มสถานศึกษาคุณภาพสูงสุด จึงทำให้เธอตัดสินใจเลือกที่จะเรียน ม.รังสิต อย่างไม่ลังเล

“หลังจากที่ได้เข้ามาเรียนที่ ม.รังสิต กิ๊กรู้สึกประทับใจในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ และก็กลุ่มพื่อนๆ ต้องบอกก่อนว่ากิ๊กเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในเมือง แต่เรากลับไม่รู้สึกเคว้งคว้างเลย เพราะทั้งเพื่อนๆ และอาจารย์ที่คณะคอยให้การดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี และอาจารย์หลายๆท่าน เราก็เคารพเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของเราเลย ทุกวันนี้กิ๊กเองก็เรียนจบมานานแล้ว แต่ก็ยังคงติดต่อพูดคุยกับอาจารย์อยู่ตลอด รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้พูดคุย เพราะกิ๊กมักจะได้รับคำสอนและแง่คิดดีๆ กลับมาเสมอ อย่างล่าสุดในช่วงที่กิ๊กทำงานอยู่บนเรือ แล้วมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของ COVID-19 อาจารย์หลายๆ ท่านก็มีการทักทายมาให้กำลังใจเราตลอด จนเรารับรู้ได้ว่าท่านเป็นห่วงเราจริงๆ มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์ แต่มันรู้สึกเหมือนเราเป็นญาติคนนึงของท่านซึ่งเราให้เคารพมาโดยตลอด”
เปลี่ยนความกลัวให้เป็นโอกาส
ภาษาอังกฤษหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก กลัวและท้อที่จะเริ่มฝึกฝน แต่อยากให้ลองเปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนทัศนคติใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนจากความกลัวให้เป็นแรงผลักดันที่จะเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง เพราะผลลัพธ์ที่ได้อาจคุ้มค่า และสร้างโอกาสที่ดีให้กับชีวิตเหมือนผู้หญิงคนนี้ “ต้องบอกเลยว่ากิ๊กเป็นคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่อยากที่จะเรียนทางด้านภาษา กิ๊กอยากเรียนเพราะอยากที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ ในเมื่อเรารู้ตัวว่าไม่เก่ง เราก็ควรจะเริ่มต้นพัฒนาตัวเอง ด้วยความที่กิ๊กเป็นเด็กต่างจังหวัด จึงกลัวที่จะพูดคุยกับชาวต่างชาติ ไม่กล้าที่จะสื่อสาร แต่พอได้เข้ามาเรียนที่ ม.รังสิต มันเหมือนเป็นการซึมซับมาตลอดตั้งแต่ปี 1 จนเรารู้สึกว่าเราเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เริ่มฟังอาจารย์ต่างชาติรู้เรื่อง กล้าที่จะตอบโต้ สิ่งสำคัญเลยในการฝึกภาษาเพียงขอแค่ให้คุณมีความกล้า และอาศัยการจดจำคำศัพท์ สำเนียงการออกเสียงจากเจ้าของภาษาจะสามารถช่วยให้เราจดจำได้ดี หากถามว่าการฝึกภาษาเป็นเรื่องยากไหมมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่อยากให้ลองคิดว่าถ้ามันยากและเราทำได้มันก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจนะคะ”

ก้าวข้าม Safe Zone เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
หลังจากเรียนจบได้ไม่นานเธอก็เริ่มลองผิดลองถูกกับงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เข้ามาทำงาน Reception ที่โรงแรม Kantary 304 เครือ Cape and Kantary Hotel ทำอยู่ได้สักระยะหนึ่งก็เริ่มถึงจุดอิ่มตัวกับการทำงานโรงแรมในประเทศ เธอเริ่มมองหางานใหม่ที่ท้าทายกับเธอมากขึ้น
“ในช่วงนั้นเราเริ่มรู้สึกอยากก้าวข้าม Safe Zone ของตัวเอง อยากจะทำงานให้ก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ พูดง่ายๆ คือกิ๊กอยากออกไปลุยกับชีวิตแล้ว ก็เลยศึกษาหาข้อมูลแล้วไปเจอกับบริษัท Carnival Cruise Line เป็นบริษัทเรือสำราญสัญชาติอเมริกันซึ่งเราก็สนใจเลยลองสมัครงานนี้ผ่าน Agency ที่ประเทศไทย เราก็ไปด้วยความตั้งใจและแน่วแน่ จนสามารถสอบสัมภาษณ์งานนี้ผ่านตั้งแต่ในครั้งแรกเลย”
การก้าวออกจาก Safe zone ของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอาศัยทั้งการปรับตัวในวิถีชีวิตที่ต่างไปจากเดิมและเผชิญหน้ากับความท้าทาย และกดดันในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยใจที่มุ่งมั่น ทำให้เธอนั้นก้าวข้ามความกลัวแล้วคว้าโอกาสทองนั้นไว้
“ต้องบอกว่านี่คือครั้งแรกของกิ๊กเลย ที่ได้เดินทางออกนอกประเทศ แน่นอนว่าตอนนั้นเรารู้สึกกลัว กังวลกับทุกๆ อย่าง ในหัวเราคิดเยอะมาก แต่ในเมื่อเราเป็นคนเลือกเอง และกว่าที่จะสอบสัมภาษณ์ผ่านมาได้เราใช้ความตั้งใจ และเหน็ดเหนื่อยกับการเตรียมตัวมาไม่น้อยเลยกับงานนี้ กิ๊กเลยตั้งสติใหม่อีกครั้งตัดทุกความกลัวทิ้งไป และเดินหน้า ทำมันให้ดีที่สุด ซึ่งหน้าที่หลักที่กิ๊กรับผิดชอบคือตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ และในปัจจุบันได้รับหน้าที่ดูแลในส่วนของลูกค้า Chef Table และเป็นหนึ่งในทีมที่ควบคุมดูแลอาหารให้กับกัปตันเรือค่ะ”
เพราะ ”ภาษา” เชื่อมเราเข้าด้วยกัน
2 ปีที่ผ่านมากับการทำงานบนเรือสำราญของผู้หญิงคนนี้ เกิดเรื่องราวประทับใจมากมายกับสายงานสุดท้าทายของเธอ ทั้งได้ทำในสิ่งที่รักและได้รับทั้งประสบการณ์ที่ดีจากการทำงาน
“กิ๊กมีความสุขมากกับชีวิตการทำงานในทุกวันนี้มาก มีเรื่องราวประทับใจหลายๆอย่าง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของลูกเรือด้วยกัน ซึ่งมีมากถึงพันคน ทุกคนมีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ วัฒนธรรม เราเองบางทีก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีประเทศนี้อยู่บนโลกด้วย ซึ่งข้อดีของการได้อยู่ร่วมกันหลายๆเชื้อชาติ ในระยะเวลาเป็นเดือนๆ แน่นอนเราสนิทกัน ได้เรียนรู้ในเรื่องของภาษา วัฒนธรรมของของแต่ละประเทศ ซึ่งหลังจากจบงานเราก็ยังคงติดต่อกันอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นมันกลายเป็นว่าเราได้มีเพื่อนอยู่ทั่วทุกมุมโลกเลย ซึ่งเป็นอะไรที่กิ๊กรู้สึกประทับใจมาก”

หากเป็นงานที่รัก ทุกอุปสรรคก็ไร้ความหมาย
การทำงานบนเรือสำราญนั้นต้องอาศัยทั้งความอดทน และต้องแบกรับแรงกดดันในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของแต่ละเชื้อชาติ การปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ และด้วยระยะเวลาการทำงานในแต่ละครั้งยาวนานกว่า 8 เดือน เป็นเหตุให้ต้องห่างไกลจากครอบครัว ความอดทนจึงต้องเข้ามาแทนที่ความคิดถึง แต่เมื่อเป็นเส้นทางอาชีพที่รัก เธอคนนี้ก็พร้อมที่จะฝ่าฟันและผ่านไปให้ได้
“จริงๆแล้วงานบนเรือถือเป็นงานที่มีความท้าทายมาก ข้อดีของมันคือ เราได้ออกไปเปิดโลกจริงๆ ได้ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติจำนวนมาก ได้เรียนรู้วัฒนธรรม และแน่นอนเราได้เที่ยวเยอะมาก ได้ไปเที่ยวในประเทศที่เราไม่คิดว่าจะได้ไป เช่น เบอร์มิวดา เปอร์โตริโก ซึ่งช่วงที่เรือจอดเทียบท่า หากเราพอมีเวลาก็สามารถลงไปเที่ยวไปถ่ายรูปได้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แต่ข้อเสียของมันคือเราต้อมีความอดทนที่จะไปไกลบ้านเป็นระยะเวลานานๆ และก็การปรับตัวที่จะอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก ที่แตกต่างกันทั้งเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม”

ความพยายามไม่เคยทำใครพ่ายแพ้
“สำหรับน้องๆคนไหนที่อยากทำงานแบบกิ๊กนะคะ แต่กลัวเรื่องภาษา กิ๊กก็อยากจะเป็นกำลังใจให้ เพราะกิ๊กเชื่อว่าคนเรา ถ้ามีความมุ่งมั่นกับอะไรแล้ว เราจะมีความพยายามที่จะฝึกฝนและทำมันให้ได้ อย่าไปคิดว่าเราไม่เก่งภาษา กิ๊กไม่อยากให้ดูถูกตัวเอง เพราะว่าจริงๆ แล้วตัวกิ๊กเองก็ไม่ได้เก่งภาษาแต่กิ๊กอาศัยความตั้งใจ และความพยายาม เช่นเดียวกับงานแรกที่กิ๊กได้ทำบนเรือสำราญกิ๊กทำงานด้วยความตั้งใจในทุกๆครั้ง จนมีโอกาสได้รับคัดเลือกให้เป็นพนักงานดีเด่น เพราะกิ๊กเชื่อว่าเมื่อเราตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมมีคนเห็นในความพยามยามของเรา”
ม.รังสิต บ้านหลังนี้อบอุ่นยิ่งหนัก
หากใครได้ลองเข้ามาสัมผัสการเรียนการสอนในรั้ว ม.รังสิต คุณจะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของอาจารย์และสังคมเพื่อน เพราะที่ ม.รังสิต เราอยู่กันแบบครอบครัวช่วยเหลือซึ่งกันและกัน “ม.รังสิต เหมือนเป็นบ้านอีกหลังของกิ๊กเลยค่ะ กิ๊กมีความผูกพันธ์ กิ๊กมีความทรงจำดีๆกับที่นี่เยอะมาก ที่สำคัญเลยกิ๊กรู้สึกว่า ม.รังสิต เป็นมหาลัยที่ทำให้กิ๊กค้นหาตัวเองจนเจอ อย่างที่บอกว่ากิ๊กเป็นเด็กบ้านนอก กิ๊กไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่พอกิ๊กได้เข้ามาเรียนที่นี่ เหมือนเราถูกดึงศัยภาพในตัวเราออกมา โดยที่เราเองก็ไม่ได้รู้ตัว ด้วยสภาพแวดล้อม ด้วยรูปแบบวิธีการสอน มันทำให้เรามีศักยภาพมากขึ้น และอีกอย่างหนึ่ง ม.รังสิต มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กิ๊กจึงมั่นใจว่านักศึกษาที่จบจากที่นี่ล้วนเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน”
"