มหาวิทยาลัยรังสิตได้รับคัดเลือกเพื่อสนับสนุนทุนจากองค์กรความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในกลุ่มประเทศสมาชิกผู้พูดภาษาฝรั่งเศส (AUF) ในโครงการ Soutien aux initiatives pour la mise en oeuvre ou le développement de formations totalement ou partiellement à distance เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยสมาชิกในภูมิภาคต่างๆ ได้ผลิต พัฒนา หรือจัดอบรมด้านการเรียนการสอนออนไลน์ให้แก่บุคลากรของมหาวิทยาลัย จำนวน 5,000 ยูโร (ประมาณ 200,000 บาท)


ผศ.ดร.ปิยสุดา ม้าไว คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า มหาวิทยาลัยรังสิตนั้นได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กร L' Agence universitaire de la Francophonie (AUF) ประเทศฝรั่งเศส มายาวนานกว่า 7 ปี โดยได้รับทั้งความร่วมมือและการช่วยเหลือจากองค์กร AUF มาอย่างต่อเนื่อง
“AUF คือองค์กรที่คอยช่วยเหลือมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เปิดการเรียนการสอนเกี่ยวกับภาษาฝรั่งเศส ซึ่งจะกระจายความช่วยเหลือไปในแต่ละภูมิภาค ซึ่งในภูมิภาคของเรานั้นจะมีเวียดนามเป็นศูนย์กลาง และประเทศสมาชิกอื่นๆ รวมแล้วกว่า 10 ประเทศ ในประเทศไทยมีเพียงแค่ 4 มหาวิทยาลัยเท่านั้นที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก ได้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยพะเยา โดยเราจะจ่ายค่าบำรุงสมาชิกรายปีอยู่ที่ 1,000 ยูโร และในแต่ละปีทางมหาวิทยาลัยรังสิตของเราก็จะยื่นจัดโครงการดีๆ ของทางสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศสเสมอตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในทุกๆ ปี เราจะได้รับเงินสนับสนุนจากทาง AUF อยู่เป็นประจำ และที่สำคัญทางมหาวิทยาลัยรังสิตของเรายังมีศูนย์นวัตกรรมภาษาฝรั่งเศส CNFp de Rangsit (Thaïlande) ศูนย์การเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสแห่งแรกในประเทศไทย โดยศูนย์นี้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2017 ระยะเวลาทุนงบประมาณ 4 ปี ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นงบประมาณประจำปีที่เราจะได้รับจากทาง AUF เพื่อให้เราได้มาจัดซื้ออุปกรณ์ จัดอบรมต่างๆ ปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วค่ะ ศูนย์นี้ก็เปรียบเสมือนตัวกลางให้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในประเทศที่เป็นสมาชิก หรือผู้ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสได้มาทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของวงการภาษาฝรั่งเศสให้มากขึ้น ซึ่งจุดนี้เองที่ถือว่าเป็นวัตถุประสงค์หลักๆ ของทาง AUF ในการจัดสรรทุนสนับสนุนในแต่ละครั้ง ”

อาจารย์ฐนวิชณ์ ไกรเพิ่ม หัวหน้าสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า จากการร่วมมือกันมาอย่างยาวนานระหว่างองค์กร AUF และมหาวิทยาลัยรังสิต ล่าสุดในปีนี้ทางมหาวิทยาลัยรังสิตก็ได้ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรกว่า 5,000 ยูโร หรือราว 180,000 บาท เพื่อนำมาพัฒนาและสานต่อโคงการสนับสนุนการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในช่วง COVID-19
“เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทางด้านเอเชียแปซิฟิกดำเนินโครงการขึ้นมาใหม่เพราะคิดว่า COVID-19 นั้นยังคงอยู่กับเราไปอีกนาน ฉะนั้นการเรียนการสอนแบบบออนไลน์จึงถือว่ามีความจำเป็น เขาเลยคิดโครงการหนึ่งขึ้นมาเป็นโครงการสนับสนุนการเรียนการสอนแบบออนไลน์ และให้แต่ละมหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิกนั้นยื่นโปรเจกต์ขอทุนสนับสนุนในครั้งนี้ เพื่อให้มหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิกได้นำงบประมาณนี้ไปดำเนินการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ และทางมหาวิทยาลัยรังสิตของเราก็ได้ผ่านการคัดเลือก จริงๆ แล้ว เราไม่คิดว่าจะได้ทุนสนับสนุนในครั้งนี้ เนื่องจากเราเคยได้รับทุนสนับสนุนกว่า 8,000 ยูโร ไปแล้วในช่วงปลายเดือนเมษายน 2563 การนำเสนอโครงการในเรื่องของ COVID-19 ซึ่งเรายื่นไป 2 โครงการด้วยกันคือ โครงการผลิตหน้ากากดำน้ำทดแทนหน้ากาก N95 และโครงการนวัตกรรมการเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศสออนไลน์ ซึ่งมีเพียง 2 มหาวิทยาลัยเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือกคือ คือ มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยพะเยา ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยมากที่เขาจะเลือกเรา ซึ่งผมเชื่อว่าทางองค์กร AUF คงเล็งเห็นแล้วว่างบประมาณในแต่ละครั้งที่ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้รับนั้นเรานำไปจัดสรรให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้เราได้รับทุนสนับสนุนในครั้งนี้ และสำหรับทุนสนับสนุนที่เราได้รับในครั้งนี้ทางเจะนำมาพัฒนาในส่วนของรูปแบบการเรียนการสอน โดยเราคาดว่าจะทำเป็นคอร์สเรียนทั้งหมด 20 บทเรียนด้วยกัน ซึ่งเราดำเนินการเสร็จไปแล้วจำนวน 5 บทเรียนด้วยกัน และหลังจากนี้ก็จะดำเนินการต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนครบ 20 บทเรียนตามที่กำหนดไว้ นักศึกษาหรือผู้ที่สนใจสามารถติดตามโครงการดีๆ จากสาขาวิชาฝรั่งเศสของเราได้หลังจากนี้ ซึ่งโครงการที่เราจะจัดขึ้นนั้น หนึ่งเลยคือในส่วนของการทำคอนเทนต์ ซึ่งทำขึ้นมาเพื่อนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่สนใจอีกด้วย ส่วนที่สองคือการจัดอบรมต่างๆ ที่เราไม่ได้จัดให้กับบุคลากรในมหาวิทยาลัยของเราเพียงอย่างเดียวแต่เรามองว่าเราจะทำอย่างไรที่จะพัฒนาการเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศสให้ขยายวงกว้างไปยังคุณครูในระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษา ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น มีมุมมองที่กว้างยื่งขึ้น ซึ่งในทุกครั้งที่เราจัดโครงการเราจะคำนึงถึงข้อนี้เสมอ”
"