เมื่อเลือกเส้นทางใหม่ที่ใช่กว่า ก็จะไม่รู้สึกเสียดายเวลาที่เคยเสียไป อีกหนึ่งมุมมองของสองนักศึกษานานาชาติจีน เอกบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ

08 Jul 2020

หากพูดถึงคำว่า “ซิ่ว” เชื่อว่าหลายคนอาจไม่อยากพบเจอกับคำนี้ เมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย การเลือกเรียนในสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราชอบ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทว่าวันหนึ่งเรากลับค้นพบสิ่งใหม่ที่ใช่กว่า ถ้าหากเป็นคุณ จะเลือกเส้นทางไหนดี จะไปต่อกับสิ่งแรกที่เลือกหรือถอยกลับไปเริ่มสิ่งใหม่ที่ใช่กว่า วันนี้เราพามาทำความรู้จักกับ    นางสาวรตี จิรรัตนาภักดี (เย) และ นางสาวพัทธ์ธีรา จารุทัศนีย์ (เมย์)  2 นักศึกษาสาวชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยนานาชาติจีน มหาวิทยาลัยรังสิต  ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเลือกเส้นทางใหม่ที่ใช่กว่า

 

 

นางสาวรตี จิรรัตนาภักดี 2 นักศึกษาสาวชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยนานาชาติจีน มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ครั้งแรกที่เข้ามาเรียนที่ ม.รังสิตนั้น เยเรียนอยู่ที่วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก เอกการแพทย์แผนจีนค่ะ พอเริ่มเรียนไปเรื่อยๆ จนถึง ปีที่ 5 เนื้อหาต่างๆ ในการเรียนก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ยากขึ้น จนเยเริ่มสังเกตตัวเองว่า เราเริ่มที่จะไม่มีความสุขกับการเรียนแล้ว เริ่มเครียด จนทำให้เรารู้สึกไม่สนุกกับมันเหมือนเมื่อก่อน ที่นี้เราก็เริ่มมองไปถึงอนาคตแล้วค่ะ ถ้าเราเรียนจบไปแล้วได้ทำงานในสิ่งที่เราไม่ได้ชอบ เราจะทำงานนี้ได้ไหม และเราจะมีความสุขกับการทำงานไหม ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งที่เรารัก แน่นอนว่าถ้าเราฝืนไปต่อก็มีแต่จะแย่ลงแน่ๆ เยเลยเริ่มมองหาสิ่งใหม่ที่เราทำแล้วรู้สึกสนุกไปกับมัน นั่นคือการทำธุรกิจค่ะ ประจวบเหมาะกับทางครอบครัวที่ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว เลยมองว่าถ้าเราเรียนทางด้านนี้น่าจะนำความรู้ต่างๆ มาต่อยอดให้กับธุรกิจที่บ้านได้ไม่น้อยเลยค่ะ เยเลยตัดสินใจที่จะย้ายคณะมาเรียนที่ วิทยาลัยนานาชาติจีน สาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศค่ะ เพราะเยชอบทั้งภาษาจีนและบริหาร วิทยาลัยนานาชาติจีนถือว่าตอบโจทย์สำหรับเรามากที่สุดค่ะ”

สำหรับการย้ายคณะถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีหลายๆ อย่างปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นรายวิชาต่างๆ สังคมเพื่อน และบรรยากาศในการเรียน แต่สำหรับในรั้ว ม.รังสิต นั้น เราอยู่กันอย่างครอบครัวไม่มีช่องว่างระหว่างกัน ไม่มีการแบ่งแยก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะปรับตัวในคณะใหม่

 

 

“ครั้งแรกที่เข้าไปเรียนที่นานาชาติจีน ก็ร็สึกเกร็งค่ะในช่วงแรก เพราะเยเป็นคนที่ขี้อาย และยิ่งต้องไปเรียนกับเพื่อนๆ ชาวจีน เรายิ่งไม่กล้าที่จะพูดเพราะกลัวพูดผิด แต่สิ่งที่เยได้เจอคือเพื่อนๆ และอาจารย์ทุกท่านให้การต้อนรับเราดีมากค่ะ ใส่ใจดูแล และชวนเราพูดคุยตลอด ทำให้เยกล้าที่จะพูด กล้าที่จะสื่อสารมากขึ้น จนทุกวันนี้ไม่เขินอายที่จะพูดภาษาจีนกับเพื่อนๆแล้วค่ะ ถ้าเราพูดผิดเพื่อนๆก็จะช่วยบอก และแนะนำคำที่ถูกต้องให้กับเรา ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งเลยค่ะ เราเองก็สอนภาษาไทยให้กับเพื่อนๆด้วย ได้แลกเปลี่ยนภาษาซึ่งกันและกัน เป็นมุมน่ารักๆ ของนานาชาติจีนที่เยประทับใจมากค่ะ และอยากฝากถึงใครก็ตาม ที่พึ่งค้นพบความชอบของตัวเองนะคะ อย่าลังเลที่จะเลือกในสิ่งที่เราชอบ เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก ทำในสิ่งที่เราชอบ ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมดีเสมอค่ะ เพราะในโลกแห่งการเรียนรู้นั้น เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอค่ะ การที่เยซิ่วมาเรียนใหม่ เยไม่รู้สึกเสียดายเวลาเลยค่ะ เพราะว่าถ้าเราได้เรียนในสิ่งที่เรานั้นก็ไม่ได้รู้สึกชอบ ในอนาคตก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เอาไปใช้งาน ดังนั้นเลือกที่จะเรียนในสิ่งที่ชอบแล้วนำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า”

 

 

ด้าน นางสาวพัทธ์ธีรา จารุทัศนีย์ (เมย์) นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยนานาชาติจีน มหาวิทยาลัยรังสิต ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ตัดสินใจย้ายคณะจากวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก เอกการแพทย์แผนจีน มาเรียนที่วิทยาลัยนานาชาติจีนเช่นเดียวกัน เธอเล่าว่า เริ่มรู้สึกชอบที่จะทำธุรกิจออนไลน์ ตั้งแต่เธอนั้นได้ไปเรียนภาษา ที่ประเทศจีน เธอมีโอกาสได้ลองรับบทบาทเป็นแม่ค้าออนไลน์ ค้าขายเกี่ยวกับ Gift Shop ต่างๆ ที่กำลังเป็นกระแสนิยมในหมู่วัยรุ่น ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอรู้สึกชอบ และสนุกกับการทำธุรกิจ จนในที่สุดเธอก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นแม่ค้าออนไลน์อย่างเต็มตัว แต่สำหรับการตัดสินใจย้ายคณะครั้งนี้ของเธอไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย

ในช่วงแรกๆ นั้น ทางครอบรัวของเธอไม่เห็นด้วยเลยกับการตัดสินใจที่จะย้ายคณะ ท่านมองว่าเสียดายเวลาและอยากให้เธอนั้นเรียนให้จบเสียก่อน “ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างวิกฤติมากสำหรับตัวเมย์เอง ที่จะผ่านช่วงนั้นมาได้ เราเรียนไปแบบที่เราเองก็ไม่มีความสุข ไม่สนุกกับการเรียน พยายามเรียนไปสักระยะนึงเลยค่ะ จนมาถึงปีที่ 5  ก็กลับไปอธิบายและทำความเข้าใจกับทางครอบครัวอีกครั้งจนคุณแม่ท่านก็เข้าใจ และอีกอย่างเมย์คิดว่าท่านก็คงเห็นในความพยายามของเราแล้วจริงๆ จนตอนนี้ท่านก็ให้การสนับสนุนเราเป็นอย่างดีเลยค่ะ”

หลังจากที่ทางบ้านให้การสนับสนุนเธอเป็นอย่างดีแล้ว เธอก็พร้อมที่จะเริ่มเรียนรู้ในสิ่งใหม่ที่เธอรัก นั่นคือการก้าวเข้ามาเป็นนักศึกษาวิทยาลัยนานาชาติจีน เอกบริหารธุรกิจระหว่างประเทศอย่างเต็มตัว “ในช่วงแรกที่เข้ามาก็เขินค่ะ ไม่กล้าพูดกับเพื่อน จะนึกคำศัพท์ทีนานมากค่ะ แต่เพื่อนๆก็น่ารักค่ะ คอยแก้คำผิดให้เราบ่อยๆ พอได้เข้ามาลองเรียนแล้วก็ร็สึกสนุกค่ะ เรามีความสุขมากขึ้น เพราะได้เรียนในสิ่งที่เรารักสิ่งที่เราชอบ แต่ก็มีการปรับตัวในเรื่องของภาษาค่ะ เพราะภาษาที่เราเรียนกันในคณะส่วนใหญ่จะเป็นศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวกับด้านบริหารธุรกิจค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเราก็ต้องมีการฝึกฝนเพิ่มเติม เพื่อให้เราจำได้เพราะจะเป็นประโยชน์ตอนเราเรียนค่ะ เราจะสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้ไวมากขึ้น”

 

 

“ไม่เสียดายเวลาหรอ?” คือคำถามที่เมย์นั้นพบเจอบ่อยมาก เธอบอกกับเราว่ามีคนรอบตัวถามตลอด อาจจะด้วยเวลาที่ยาวนานกว่า 5 ปีกับเส้นทางแรกที่เธอเลือก หลายๆ คนมองว่าเสียเวลา แต่สำหรับเมย์นั้นเธอมองว่าเหมือนเป็นการซื้อเวลาให้เธอได้เจอเส้นทางที่ใช้สำหรับตัวเธอมากที่สุด “เมย์ไม่เคยรู้สึกเสียดายเวลาเลยค่ะ โดยส่วนตัวแล้วเมย์มักเจอคำถามเหล่านี้บ่อยมากค่ะ แต่เมย์มองว่าถ้าเรายังคงเรียนอยู่ที่คณะเก่าเรียนไปแบบที่เราเองก็ไม่มีความสุข และไม่ได้รู้สึกรักและชอบในสิ่งนั้นแล้ว เกรดต่างๆ ก็จะออกมาไม่ดี การหางานทำในอนาคตก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากไปเลย ในวันนี้เมย์รู้แค่ว่าเมย์สามารถตั้งใจเรียน และสร้างผลงานได้เต็มที่มากกว่าคณะเดิม และแน่นอนว่าเมย์ได้เรียนอย่างมีความสุข และสนุกกับการมาเรียนในทุกๆ วันค่ะ และเมย์เชื่อว่ามีน้องๆ หรือเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ตอนนี้อาจจะประสบปัญหาเดียวกันกับที่เมย์เคยเจอ เมย์อยากจะบอกว่าการย้ายคณะไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเลยค่ะ ขอแค่ให้เราคุยและทบทวนกับตัวเองว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เราชอบกันแน่ เมื่อหาเจอแล้วก็ลุยเลยค่ะ ต่อให่ทำไปแล้วได้ผลไม่มาก หรือไปได้ไม่สุดทาง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่เรารักอยู่ดี วันนี้ทำไม่ได้ วันพรุ่งนี้เราก็มาเริ่มต้นใหม่ได้ มันคงจะดีกว่า ถ้าเรากล้าๆกลัวๆ ที่จะตัดสินใจ อาจทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ในอนาคตของเราไปก็ได้ค่ะ”

 

เคล็ดลับดีพี่ขอแชร์

            หัวใจหลักของการเรียนทางด้านภาษา คือคลังคำศัพท์ ยิ่งเรามีคลังคำศัพท์ในหัวเยอะเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ง่ายต่อการหยิบมาใช้ในการสื่อสาร ซึ่ง เย นั้นมีเคล็ดลับในการจดจำคำศัพท์ภาษาจีน จากการฝึกเขียน อ่าน และพูด ยิ่งมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของภาษาเธอบอกว่าถือเป็นกำไร เพราะเราจะได้เรียนรู้ว่าประโยคที่เราสื่อสารออกไปนั้นถูกต้องหรือไม่ เราจะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกหลักมากขึ้น ซึ่งตัวเธอเองได้ลองใช้วิธีนี้ในการเรียนแล้วผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากับเธอมาก ส่วนในด้านของ เมย์ เธอเลือกที่จะฟังเพลง และดูหนัง ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็มี   เด็กๆ หลายคนที่เลือกใช้วิธีนี้ในการฝึกภาษา เพราะนอกจากจะไม่ดูเคร่งเครียดจนเกินไปแล้ว ยังทำให้การฝึกภาษานั้นดูสนุกมากขึ้น และอีกวิธีที่ได้ผลดี คือการฝึกเขียนบ่อยๆ เพราะการเขียนจะสามารถช่วยให้เรานั้นจดจำคำศัพท์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

 

 

ความประทับใจในนานาชาติจีน

            ทั้งสองคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ทางวิทยาลัยนานาชาติจีนนั้น ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้าไปเรียน อาจารย์ทุกท่านให้การดูแลอย่างอบอุ่น รวมไปถึงการได้รับทุนสนับสนุน 30% จากทางคณะอีกด้วย และพิเศษไปกว่านั้นคือการได้พบกับสังคมเพื่อนๆ ที่น่ารัก และใจดี ถึงแม้ว่าเธอทั้ง 2 คนนั้นจะซิ่วมาจากคณะอื่นก็ตาม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะในเรื่องของภาษา ซึ่งเย และ เมย์ มองว่าการได้มีโอกาสเข้าไปเรียน และคลุกคลีกับชาวจีน ทำให้เธอนั้นกล้าที่จะพูด และได้เรียนรู้ทักษะทางด้านภาษาเพิ่มขึ้นจากเดิมเยอะมากๆ และสำหรับน้องๆ คนไหนที่สนใจอยากจะเรียนทางด้านภาษาจีนควบคู่ไปกับการบริหาร อยากมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ บรรยากาศในการเรียนที่ไม่ได้มีแค่เฉพาะคนไทย แต่เราได้เรียนร่วมกับเจ้าของภาษาโดยตรง แน่นอนว่าเราจะได้ทักษะทางด้านภาษาเพิ่มขึ้น หลักการที่ถูกต้อง วิทยาลัยนานาชาติจีนถือว่าตอบโจทย์เลยค่ะ นอกจากจะได้เรียนภาษาแล้วสิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยคือการเรียนรู้ในเรื่องของการบริหาร การจัดการต่างๆ เนื้อหาที่อัดแน่น รับรองว่าจบไปได้นำความรู้ไปใช้ในการทำงานอย่างแน่นอนค่ะ

 

 

 

"

ผู้จัดทำ

บทความที่คุณอาจสนใจ