ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ...นิเทศศิลป์ เริ่มต้นจากงานกราฟิก สู่งานสร้างแบรนด์

09 Oct 2020

 

ลินต์ณกรณ์ ธนลลินธรณ์ ศิษย์เก่าปริญญาตรี สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต เจ้าของแบรนด์ธุรกิจอาหารเสริม Amleine (แอมลีนน์) จากวันที่ไม่เคยรู้จักว่ามีคณะแบบนี้ (นิเทศศิลป์) ด้วยหรือ?

 

และตัดสินใจเรียนเพราะเหตุผลง่ายๆ แบบเด็กๆ ที่ว่า หนึ่งชอบม.รังสิตเพราะต้นไม้เยอะบรรยากาศร่มรื่น สองเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ ขอวาดรูป (ในแบบของเรา)อย่างเดียว แต่ปรากฏว่าจบออกมาด้วยรางวัลชนะเลิศศิลปนิพนธ์อันดับ 1 ของคณะฯ

 

ช่วงเรียนจบใหม่ๆ ได้ใช้ทักษะการออกแบบที่มีไปเป็นจิตอาสาเต็มตัวและฟรีแลนซ์ออกแบบสื่อธรรมะต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศเป็นเวลากว่า 5 ปี จากนั้นก็ไม่เคยทำงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอีกเลยและหันไปทำธุรกิจด้านการขาย การทำคอร์สออนไลน์

 

 

แต่สิ่งสำคัญที่ได้จากคณะฯ มันไม่เคยเลือนหายไปและฝังอยู่ในหัวของคนเรียนนิเทศศิลป์นั่นคือ เรื่องความเข้าใจการสื่อสาร หรือการเล่าเรื่องผ่านภาพ สี ตัวอักษร อย่างงาน Graphic Design วิธีการเพิ่มมูลค่าด้วยงานออกแบบ หรือการสื่อสารแบรนด์ต่างๆ สิ่งที่ส่งผลอย่างเห็นได้ชัดหลังจากเบนเข็มมาทำธุรกิจคือการออกแบบสร้างแบรนด์ธุรกิจของเรา โดยโจทย์คืออยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง เมื่อตัดสินใจแน่วแน่ในการจะสร้างแบรนด์ในชื่อ Amleine (แอมลีนน์) แบรนด์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ความเป็นตัวเราภาพของนิเทศศิลป์ การสื่อสารต่างๆ วนกับมาที่ตัวเราอีกครั้ง จากนั้นเริ่มกลับมามองสิ่งที่เรียนมาและลงมือทำ Corporate Identity ด้วยตัวเอง ภาพรวมการสื่อสารผ่านการทำ Production ต่างๆ ผุดขึ้นมาใช้ได้ทั้งหมดแม้เราไม่ได้ทำอาชีพ Graphic Design หรือทำ Agency มาโดยตรง แต่ความเข้าใจองค์ประกอบศิลป์เป็นทักษะที่ได้มาจากการเรียนออกแบบนิเทศศิลป์และติดตัวเรามาตลอดนั้นนำมาใช้ได้จริง

 

 

 

ความทรงจำระหว่างเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวถึงความหมายของศิลปะเอาไว้ว่า “งานที่พวกคุณกำลังทำคือการออกไปแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ นอกจากผมจะบังคับให้คุณอ่านหนังสือสัปดาห์ละเล่มแล้ว ผมอยากทิ้งความหมายของ ‘ศิลปะ’ ให้คุณจำไว้ว่า ศิลปะไม่ใช่แค่ทำให้งดงาม แต่มันคือคำ 4 คำนี้ “คุณ งาม ความ ดี” ในฐานะนักออกแบบดีไซน์เนอร์ สิ่งที่เราทำออกไปมันต้องมี “(คุณ)ประโยชน์” ต่อกลุ่มเป้าหมาย “(งาม)ศิลป์” ดูแล้วเจริญตาเจริญใจ ประณีต น่ามอง “(ความ)จำเป็น” ต้องเป็นสิ่งจำเป็นกับกลุ่มเป้าหมายและสำคัญกับพวกเขา และสุดท้ายคือต้อง “(ดี)มีศีลธรรม” 4 คำนี้กลายมาเป็นแก่นที่นำมาใช้ทุกครั้งในงานที่เราต้องการความเป็น Creative ทั้งการทำธุรกิจ และการทำสื่อโปรดักซ์ชั่นต่างๆ เรียกว่าเป็นแนวคิดการออกแบบที่ได้จากการเรียนนิเทศศิลป์ ม.รังสิต

 

 

มหาวิยาลัยให้อะไรกับเราในการใช้ชีวิตและทำงาน ตรงนี้สำคัญเพราะแท้จริงแล้วมหาวิทยาลัยให้ทักษะการทำงาน ฝึกคิด ฝึกทำมาโดยตลอด “วิธีการเล่าเรื่องสร้างคุณค่า” ให้กับสิ่งต่างๆ จนเข้าใจถึงว่าการสร้างความเข้าใจเรื่องการออกแบบศิลปะ การสร้าง Branding ให้กับคนในประเทศจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ประเทศเราก้าวเป็นอันดับต้นๆ ของโลกได้ โดยการหยิบเอาสิ่งของ สินค้า พื้นที่ ชุมชน ที่หลายคนอาจมองว่าธรรมดา แต่สามารถนำมาเล่าเรื่องแต่งตัวใหม่ ให้ตรงกับมูลค่าที่แท้จริงได้ หากเข้าใจเรื่องการทำแบรนด์ซึ่งเป็นทักษะเพิ่มเติมที่เราสามารถเรียนรู้และนำมาต่อยอดได้

 

 

 

การเรียนนิเทศศิลป์ทำให้เราได้เปรียบตรงที่นอกจากเข้าใจเรื่องการสื่อสารด้วยภาพ การเลือกใช้สี ตัวอักษร มาสร้างบุคลิกแบรนด์ ให้ตรงกับความตั้งใจที่เราอยากส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้า ออกแบบดีไซน์ให้ตรงกับ Target Group หรือการตลาดที่เราจะทำ อย่างแบรนด์คอลลาเจนที่กำลังทำอยู่นั้น เราออกแบบมาเพื่อให้เป็นสินค้า Unisex คือ ทานได้ทั้งหญิงและชาย วัย 35 ปีขึ้นไป เน้นเรื่องสุขภาพภายในมากกว่าเรื่องความสวยงามภายนอก กลุ่มผู้ชายจะนำสินค้ามาถือขาย สร้าง Personal Brand ก็ไม่รู้สึกเขินที่จะถือสินค้า และเราเน้นแบรนด์ไปที่การใส่ใจสุขภาพภายในมากกว่าความสวยความงามทำออกมาให้ดูเรียบหรู ดูแพง ดูสงบ มีคุณค่า ซึ่งทั้งหมดคือตัวตนคนที่เราเป็นและนำมาผสมผสานเข้ากัน

 

 

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้นั้น เริ่มจากเจอตัวเองซึ่งสำคัญมากไม่ใช่แค่ค้นหา หรือ ตามหา แต่เราต้องสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่เราอยากจะทำอะไร? เราอยากจะเป็นใคร? แล้วตัดสินใจเป็นคนนั้นไปเลย ตัดสินใจทำเลย ใช้ชีวิตให้เหมือนการทดลอง ผิดบ้าง ถูกบ้าง ล้มบ้าง งงบ้าง มึนบ้าง ไม่ทันบ้าง โง่บ้าง ฉลาดบ้าง ให้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของสติและความรัก (รักตัวเอง) ก็จะไม่ทำให้ตัวเองเสียใจในสิ่งที่เลือก

"

ผู้จัดทำ

บทความที่คุณอาจสนใจ