“ชีวิตเป็นของเรา เพียงเราแบ่งเวลาให้เป็นทุกอย่างจะลงตัว” พรพะเยาว์ ก๋งเม่ง ว่าที่ ดร. วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต

18 Sep 2020

ใบเบิกทางของชีวิตที่ใครต่อใครต่างพูดถึง คงรวมคุณวุฒิทางการศึกษาเข้าไปด้วยแน่ๆ ใบปริญญาจะสามารถเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่การันตีถึงความทุ่มเทของคนๆ นั้นได้ เพราะกว่าเราจะได้ปริญญาในแต่ละระดับมาได้นั้น ไม่ง่ายหรอก เช่นเดียวกันกับคุณเมย์ หรือ พรพะเยาว์ ก๋งเม่ง ว่าที่ดุษฎีบัณฑิตจากวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และยังเป็นศิษย์เก่าปริญญาตรีและปริญญาโทจากวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตอีกด้วย

 

 

“ตอนนี้เมย์เป็นเจ้าหน้าที่อยู่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตค่ะ และก็ทำขนมขายออนไลน์ด้วยค่ะ ผ่านเพจที่มีชื่อว่า kin_kanomkan เมย์ค่อนข้างผูกพันกับที่ ม.รังสิต ค่ะ บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่สองที่เมย์อาศัยอยู่มานานมากๆ  ทั้งเรียน ทั้งใช้ชีวิต ก่อนหน้านี้เมย์ก็ไม่เคยคิดว่าเราจะเรียนต่อปริญญาเอก จนกระทั่งมาพบกับ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ท่านแนะนำว่าให้เมย์เรียนต่อในระดับปริญญาเอก โดยใช้ทุนเรียนดี พอฟังแล้วก็สนใจค่ะลองสมัครทุนดูก็เลยเป็นที่มาของการได้เรียนต่อค่ะ เมย์เรียนจบนิเทศมา เราก็จะมีความถนัดในเรื่องของการสื่อสาร การใช้สื่อ และยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนร่วมมากๆ ในการทำงาน ปริญญาเอกที่เราเรียนก็เน้นเรื่องการสื่อสาร การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสังคม เกี่ยวกับเหตุการณ์ สถานการณ์ ถือว่าก็ยังได้นำความรู้จากปริญญาตรี และปริญญาโทมาประยุกต์ใช้ได้ระดับหนึ่งเลยค่ะ”

 

 

จุดเริ่มต้นในการมาเปิดร้านขนม Kin_kanomkan

จุดเริ่มต้นแรกที่ทำให้เมย์มาทำขนมคือช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ด้วยสถานการณ์นี้ ทำให้ช่วงเวลาที่จะดูแลลูกและช่วงเวลาที่ทำอาหารมันมีมากขึ้น เมย์ดู Youtube และเกิดอยากทำอาหาร ด้วยความที่เมย์มีลูก เมย์ก็จะทำอาหารให้ลูกทานเอง เมย์รู้สึกว่าการที่เราไปซื้อเขาบางอย่าง เช่น เมย์จะไม่ให้ลูกของเมย์กินชูรส ถ้าเราไปซื้อ เราไม่รู้ว่าเขาจะใส่อะไรที่ไม่ปลอดภัยมาให้เราบ้างหรือเปล่า หลังจากดูคลิปทำอาหารต่างๆ ในสื่อออนไลน์ เมย์ก็ลองทำและนำไปแจกให้กับเพื่อนบ้านและเพื่อนในสมัยเรียน ให้พวกเขาลองชิม และเราได้ผลตอบรับกลับมาค่อนข้างดี เพื่อนก็แนะนำให้เมย์ลองทำขาย เมย์จึงปรับสูตรให้เป็นสูตรของตัวเอง ถ้ามีผลตอบรับกลับมาให้เราแก้ไขตรงไหน เมย์ก็จะปรับปรุงทันที ช่วงแรกที่เมย์เริ่มทำขนมขาย เมย์เริ่มจากการทำ Line @ ตั้งเพจ Facebook  และก็สร้าง Instagram ของร้าน  โดยที่เมย์ไม่ได้ตั้งรูปของตัวเองเป็นรูปโปรโมท เพราะเมย์รู้สึกว่าถ้าเมย์ตั้งเป็นรูปของเมย์เอง คนที่ซื้อเขาก็จะซื้อสินค้าของเมย์ด้วยความเกรงใจมากกว่า หลังจากที่เมย์ทำไปได้สักพัก ปรากฏว่ามีคนสั่งขนมที่เมย์ทำขาย และมีผลตอบรับกลับมาค่อนข้างดี หลังจากนั้นเมย์ก็เริ่มทำจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการพัฒนาจากเดิมที่ทำแค่ไดฟุกุ ก็เริ่มมีสินค้าอย่างอื่นเพิ่มมากขึ้นค่ะ 

 

 

แบ่งเวลาให้เป็น ทุกอย่างก็จะลงตัว

            “ถ้าถามเมย์ว่าเหนื่อยไหม ที่ต้องทำทุกๆ อย่างไปพร้อมๆ กัน เมย์ก็รู้สึกเหนื่อยค่ะ แต่มันก็คือความสุขของเรา แต่เวลาที่เมย์ทำขนม เมย์เองก็ไม่ได้ละเลยหน้าที่การทำงานหลัก และก็ไม่ได้ละเลยที่จะดูแลลูก ลูกก็จะมาอันดับ 1 ตลอด เมย์จะอาบน้ำ ป้อนข้าว และเอาเขาเข้านอนก่อน หลังจากที่ลูกหลับเมย์ถึงจะมาทำขนมตอนกลางคืน เมย์ก็จะแบ่งเวลาให้ชัดเจน ว่าเราต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน เรื่องเรียนก็เป็นอีกหนึ่งความรับผิดชอบที่ต้องให้ความสำคัญ การทำ Assignment การทำการบ้าน ก็ต้องแบ่งเวลาเช่นกัน”

 

 

สุดท้ายนี้เมย์อยากแนะนำสำหรับคนที่อยากเรียนต่อในระดับปริญญาเอก แต่ยังลังเลเพราะกลัวว่าจะเหนื่อย กลัวจะทำได้ครึ่งๆ กลางๆ เมย์จะบอกว่ามันไม่ยาก เราต้องดูก่อนว่าเราสนใจอะไร และวันเวลาที่เราเรียนกระทบกับเรื่องงานไหม ถ้าไม่กระทบและสิ่งที่เราเรียนมันสามารถที่จะต่อยอดหรือพัฒนาตัวเองได้ มันจะเป็นเรื่องที่ดีมาก เมย์รู้สึกว่ายิ่งเรียนในระดับที่สูงขึ้น เวลาที่เมย์เข้าเรียนจะเจอกับคนหลากหลายมากขึ้น เราก็จะมาแชร์ประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกัน และอาจารย์ผู้สอนแต่ละท่านก็จะมีประสบการณ์การสอนที่สูงขึ้นตามระดับชั้นเรียน ยิ่งตอนเรียนในระดับปริญญาเอก เมย์ได้เรียนร่วมกับเจ้าของธุรกิจหรือแม้กระทั่งคนที่มีชื่อเสียง เราก็จะมาแลกเปลี่ยนความคิดกัน ทำให้เมย์เกิดมุมมองที่กว้างขึ้น สำหรับเมย์ การทำงาน เรียน และเลี้ยงลูกไปพร้อมๆ กัน ทุกอย่างมันคือความสุขของเมย์ ถ้าเราทำไปแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย ผลลัพธ์มันก็จะออกมาดีเสมอ เมย์เองเชื่อแบบนี้ค่ะ

"

ผู้จัดทำ

บทความที่คุณอาจสนใจ