ตัวแทนประชาชนชุมชนชาวเลราไวย์ จังหวัดภูเก็ต เข้ารับสำนวนคำฟ้องคดีศาลปกครอง จาก ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต จัดทำโดยนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ในโครงการช่วยเหลือประชาชนชุมชนชาวเลราไวย์ ของศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางสังคมและกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ โดยศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ดร.ศักดิ์ณรงค์ มงคล รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และหัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือฯ อาจารย์คมสัน โพธิ์คง กรรมการศูนย์ช่วยเหลือฯ ร่วมกับ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ดร.สุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และมูลนิธิชุมชนไท
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า วันนี้เรากำลังจะมาช่วยพลิกโฉมประวัติศาสตร์ของชาติไทยก็ว่าได้ โดยพลิกโฉมในหลายเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามุ่งหวังในการสร้างสังคมธรรมาธิปไตย ให้ทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ สันติสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน มีความยุติธรรม ไม่แก่งแย่งชิงดีกัน ข้าราชการต้องสามารถช่วยเหลือดูแลปกป้องประชาชนได้ และในวันนี้ที่ทางมหาวิทยาลัยรังสิต โดยคณะนิติศาสตร์ ได้ดำเนินการทำคำฟ้องให้ชาวเลราไวย์ ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเลราไวย์ถือว่าเป็นเรื่องที่เราจะพลิกโฉมประวัติศาสตร์ สร้างสังคมในแบบที่อยากจะเห็นได้ และในส่วนของเรื่องการศึกษานั้น สิ่งที่คณะนิติศาสตร์ได้ดำเนินการคือ การนำความรู้ทางด้านกฎหมายไปช่วยเหลือสังคม แสดงให้เห็นว่าวันนี้การเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยรังสิตไม่ได้เรียนเพียงเพื่อใบปริญญาเท่านั้น แต่ได้ฉีกออกนอกกรอบ โดยการเปิดพื้นที่การเรียนรู้นอกเหนือจากในห้องเรียน ซึ่งต่อกรณีดังกล่าวได้ส่งทีมนักศึกษาไปลงพื้นที่เพื่อรับรู้ปัญหาจากสภาพการณ์จริงที่ชุมชนเลราไวย์ จ.ภูเก็ต และนำความรู้ทางด้านนิติศาสตร์ ด้านกฎหมาย ไปช่วยเหลือและสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และสร้างความเป็นธรรมให้แก่ชาวเลราไวย์
“เพราะการศึกษาต้องให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการ แนวคิด ว่าจะทำยังไงให้เกิดความเป็นธรรม นอกจากนี้ บทบาทที่คณะนิติศาสตร์ได้ให้การช่วยช่วยและทำอยู่คือ เรื่องของคนไร้สัญชาติ คนไทยชายขอบ คนไทยพลัดถิ่น ที่ไม่มีสัญชาติ ไม่ได้มีชีวิตความเป็นคนอย่างแท้จริง ไม่มีใครดูแลเอาใจใส่ ขณะเดียวกันคณะอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยรังสิต ก็กำลังหาทางช่วยเหลือ แก้ไขปัญหานี้ไปด้วยกัน ถือเป็นบทบาทการเรียนการสอนที่ไม่ได้อยู่ในตำราเรียน และในการเขียนคำร้องขึ้นมาในวันนี้เพื่อช่วยเหลือชาวเลราไวย์ให้ได้รับความยุติธรรม ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่ดีและเป็นประโยชน์แก่สังคม นับว่าเป็นการเปิดขอบฟ้าแห่งความยุติธรรม เป็นการสร้างทางสว่าง ความเป็นธรรมในสังคมที่เป็นสังคมธรรมาธิปไตยอย่างแท้จริง” อธิการบดีม.รังสิต กล่าวเพิ่มเติม
อาจารย์คมสันต์ โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า จากกรณีที่มีการขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่ของชาวชุมชนเลราไวย์ สำหรับการทำงานในคดีนี้ทางคณะนิติศาสตร์ได้มีนักศึกษาร่วมให้การช่วยเหลือ เป็นผู้รับผิดชอบคดีชาวเลราไวย์โดยเฉพาะ โดยให้การช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย ซึ่งทีมนักศึกษาได้ลงพื้นที่จริง ปฏิบัติจริง และได้ทำงานร่วมกับชาวเลราไวย์ อย่างต่อเนื่องโดยการดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่สำคัญของการจัดตั้งคลินิกกฎหมายเพื่อประชาชน เพราะเป็นงานที่สำคัญที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มีความมุ่งหมายในการช่วยเหลือสังคม เพื่อให้เข้าใจความเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสให้ได้รับความยุติธรรมในสังคมได้ และเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ได้รับรู้ถึงปัญหาของสังคม โดยการได้ลงไปยังพื้นที่ทำให้ได้รับรู้ถึงปัญหาจริง ได้ทำงานร่วมกับสังคม ประชาชนผู้เป็นเจ้าของคดี ซึ่งการเชื่อมโยงนี้เป็นประโยชน์ที่จะสะท้อนให้เห็นว่านักศึกษาได้เรียนรู้ว่าข้อมูลหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะได้มาซึ่งข้อมูลพื้นฐาน โดยในการดำเนินการดังกล่าวอาจารย์และนักศึกษาได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่ได้สนับสนุนนักศึกษาทุกภาคส่วน จนกระทั่งคำฟ้องได้สำเร็จและสามารถที่จะนำไปส่งฟ้องที่ศาลปกครองได้
นายตั้งปณิธาน ทวีปัญญาภร์ ตัวแทนทีมนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ลงพื้นที่ฯ กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ รู้สึกภูมิใจที่มีโอกาสได้นำความรู้ทางด้านกฎหมายที่เรียนมาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการได้ช่วยเหลือชาวเลราไวย์ ที่มีปัญหาถูกฟ้องร้องในพื้นที่ที่ตัวเองอยู่อาศัย ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ที่มีสิทธิโดยชอบธรรม แต่กลับถูกเอกชนออกโฉนดทับที่ดินของชาวเลราไวย์โดยไม่ชอบ ซึ่งการทำงานในครั้งนี้มีโอกาสได้ลงพื้นที่ไปรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น ได้เก็บข้อมูลจริง ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมจากหลากหลายมิติ และทำให้สามารถมองเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อจะนำไปสู่แนวทางแก้ไขได้อย่างถูกต้องและเกิดความยุติธรรมได้ และในโอกาสนี้ขอขอบคุณอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตที่เล็งเห็นความสำคัญ ขอขอบคุณอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มูลนิธิชุมชนไท คณะกรรมการชาวเลราไวย์ ที่ร่วมกันทำให้ความยุติธรรมนี้เกิดขึ้นแก่ชาวเลราไวย์ด้วย
"