|
 |
ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๑๕ มกราคม ๒๕๔๘
|
|
|
|
สวัสดีครับแฟนๆ คอลัมน์นี้ นี่ก็ยังอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่หลายๆ ท่านก็ยังไม่หายสะบักสะบอมกับการเดินสายงานเลี้ยงที่ผ่านมา หลายท่านคงมีโอกาสไปเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องทรมานกับผู้คนที่ต่างก็แห่กันไปเที่ยว บางท่านก็ไม่ได้ไปไหนเพราะตังค์ไม่มี (เหมือนผมเลย) เอางี้ก็แล้วกัน!ตามผมไปเดินเล่นซื้อของถูก แต่สะใจที่สวนจตุจักรกันดีกว่า
เมื่อช่วงก่อนปีใหม่ผมไปเดินเล่นที่จตุจักร โดยมีจุดมุ่งหมายสองประการคือ อย่างแรกไปถ่ายรูปเพื่อเอามาประกอบหนังสือภาพของกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร ผมรับงานจ๊อบถ่ายภาพและเขียนข้อมูลทั่วกรุงเทพฯ และจตุจักรก็เป็นหัวข้อหนึ่งที่ต้องถ่าย อย่างที่สองก็ตั้งใจว่าจะไปหาซื้อลูกหมาพันธุ์ปั๊ก เอาไว้แก้เหงาตามประสาชายชราหน้าตาดี (จิงๆ) หมาพันธุ์นี้หน้าย่นๆ ดูตลกๆ ตัวไม่โต แต่ขี้เล่น ซนฉิบเป๋ง โดยตั้งงบไว้ในใจว่าจะสู้แค่ 2,000 บาท ถ้าเกินมีอดครับ
ตลาดนัดสวนจตุจักรในปัจจุบันเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปของคนไทย แม้แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็นิยมมาเดินเลือกซื้อของกันอย่างหนาตา แต่เด็กๆ สมัยนี้คงไม่รู้ว่ากว่าจะเป็นสวนจตุจักรที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร แต่เดิมนั้นจะอยู่ที่สนามหลวง ผู้คนจะเรียกกันติดปากว่าตลาดนัดสนามหลวง จัดขึ้นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ขายของหลากหลายเหมือนตลาดนัดทั่วไป ท่านลองคิดดูว่าแค่เย็นวันศุกร์บรรดาพ่อค้าแม่ขายจะมากางเต็นท์กันพรึบภายในคืนเดียวเต็มพรืดทั้งสนามหลวง พอคืนวันอาทิตย์ก็เก็บเต็นท์เก็บของหมดภายในพริบตา เช้าวันจันทร์ก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นแต่ต้นมะขาม ทุ่งหญ้าโล่งๆ นกพิราบบินว่อนไปหมด ผมเองตอนหนุ่มน้อยชอบไปเดินเล่นที่สนามหลวงมากเพราะของถูกก็เยอะ ของแปลกก็เพียบ โดยเฉพาะโชว์กุมารทอง หลอกขายยา งูเห่ากัดกะพังพอน สัตว์ประหลาดตรึม จนในที่สุดสภาพสนามหลวงชักจะเละเทอะ ทาง กทม. จึงมาเช่าที่ของการรถไฟจัดเป็นตลาดนัดเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว แต่เดิมก็กางเต็นท์เหมือนกัน แบ่งให้เช่าเป็นล๊อคๆ ให้เช่าแค่วันละ 50 บาทเท่านั้น ผมเคยสะเออะไปเช่าขายไอติมตักอยู่สักสามเดือน...โอย!ขายดีเป็นเทน้ำเททิ้ง...ตกเย็นวันอาทิตย์แจกก็แล้ว กินเองก็แล้ว...แทบอ้วก...ถ่ายออกมาแทบจะเป็นไอติม ก็ยังเหลือ อย่ากระนั้นเลยเลิก(เจ๊งคับทั่น) ดีก่า แหมถ้าทนมาทุกวันนี้...ต้องเรียกว่า "เสี่ยอิท"...ถุย
เอาล่ะครับเกริ่นให้เด็กๆ สมัยนี้ได้ทราบข้อมูลพอสังเขป...ตามผมมาได้แล้วครับ
ผมจอดรถด้านหลังจตุจักร เป็นที่จอดรถที่ทาง กทม. เขาจัดไว้ให้ คิดค่าจอดแค่ 40 บาทตลอดวัน (ขอเตือนนะครับ อย่าไปสายมากนักเพราะประมาณ 10 โมงเช้าที่จอดรถจะเต็มแล้ว) แต่ต้องเดินไกลหน่อยผ่านร้านขายสัตว์ต่างๆ ทั้งปลาสวยงาม สุนัข นก กระรอก กระต่าย สัตว์ประหลาดนานาชนิด เลยผ่านประตูเข้าสู่บริเวณสวนจตุจักร ผมแต่งตัวตามสบายสะพายเป้ไว้ที่หลังเพื่อมือจะได้ว่างในการถ่ายรูป เมื่อซื้อของได้ก็จะยัดใส่เป้ เสียงผู้ประกาศตามสายคอยประกาศเป็นระยะๆ ให้ระวังโดนกรีดเป้ เตือนให้เหล่านักช้อปเอาเป้มาอุ้มไว้ด้านหน้าแบบพวกท้องแก่ ผมคิดในใจถ้าใครมากรีดเป้ผมเห็นทีจะได้แต่กะโหลกกะลาเป็นแน่...555 ผมเริ่มเดินถ่ายรูปย่านเสื้อผ้าแฟชั่นจากโครงการ 1 2 3 และ 4 ไล่ดะมาเรื่อย สายตาก็มองสาววัยรุ่นแต่งตัวแบบเดิร์นเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากันขวักไข่ว ใครที่เคยคิดว่าไปเสื้อผ้าที่จตุจักรจะออกอาการแบบ...บ้านนอก ขอให้คิดใหม่ได้เลย อย่างหรูเลิศด้วยการดีไซน์ ราคาถูกก็มี แพงระเบิดก็เยอะ ผมใช้เวลาเดินถ่ายรูปแบบสบายๆ แวะทานข้าวหมูกรอบที่โครงการ 2 ต้องนั่งเบียดๆ กันหน่อยอบอุ่นดี ของตกแต่งที่นี่ผมถือว่าสุดยอด มีให้เลือกละลานตา ที่เป็นของโหลก็เยอะ มีดีไซน์ก็เพียบ อยู่ที่รสนิยมแต่ละคน ผมเดินเรื่อยมาจนถึงย่านขายสัตว์เลี้ยง สายตาก็สอดส่ายมองหาเจ้าปั๊กน้อย นั่นแน่! เห็นแล้วใช่เลย รีบเดินเข้าไปในร้านขายสุนัข เป็นห้องแอร์เย็นฉ่ำ เจ้าปั๊กน้อยหน้าสั้นส่งยิ้มให้ผม...สงสัยผมใกล้บ้าดันเห็นหมายิ้มให้ "น้อง...น้อง...ตัวนี้เท่าไหร่ครับ" " อ๋อ!ตัวนี้พันธุ์แท้หน้าสั้นแค่หมื่นสองเอง ลดได้นิดหน่อย" ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ มุมปาก...เกินงบเพียบ ไม่ต่งไม่ต่อแล้ว "ขอบใจมากน้องเดี๋ยวค่อยมาใหม่" หลังจากนั้นผมไม่เดินเข้าไปถามราคาร้านห้องแอร์อีกเลย...เข็ด ผมเดินถามราคาอีกหลายเจ้า แปดพันมั่ง หกพันมั่ง สุดท้ายโดนพูดให้เจ็บใจ "พี่ไม่ต้องไปเดินหาให้เมื่อยหลอก ของผมสี่พันห้าถูกสุดแล้ว" ถูกของน้องล่ะซิ แต่มันเกินงบพี่
ผมเดินเข้าซอยโน้นออกซอยนี้ ได้ของจิปาถะมาแต่งบ้านจนเต็มเป้ที่สะพายไว้ แต่ก็ยังหิ้วปลาบอลลูน ต้นไม้น้ำอีกหอบใหญ่ เหลือบดูเวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้ว มิน่าเล่าไหล่ชักล้าแล้ว ขาเริ่มเมื่อย ก็เดินตั้งแต่สามโมงเช้า นึกในใจว่าวันนี้หรือวันไหนคงไม่ได้ปั๊กน้อยแน่นอน เพราะหน้าตาดีแต่ไม่มีตังค์ สงสัยว่าคงได้ถอยลูกหมาไทยตัวละสามร้อยแน่นอน และแล้ว...เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต ขณะเดินกลับรถออกมาด้านนอกสวนแล้ว เห็นป้านั่งอยู่ข้างทาง
"การไปเดินเที่ยวตลาดนัดสวนจตุจักรนั้นเป็นการไปที่ราคาถูกแต่ก็สามารถให้ความสุขได้ถ้าท่านพอใจกับชีวิตที่เรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ" |
ข้างหน้ามีตะกร้าพลาสติกใส่ลูกหมาอยู่สองตัว อีกตัวผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่เจ้าปั๊กพันธุ์ผสมที่ดูไม่แตกต่างจากพันธุ์แท้เลย ผมรีบรี่เข้าไปถามราคาป้าทันที "ป้าคร๊าบบ...ปั๊กตัวเท่าไหร่ครับ" "คุณเอ้ย! อ้ายตัวนี้น่ารักมาก อายุขาดอีก 5 วันสองเดือน ถ่ายพยาธิแล้ว แข็งแรง เลี้ยงง่าย" ผมฟังแกสาธยายความประเสริฐเจ้าหมาน้อยอยู่พักนึงจึงถามอีกว่า "ป้าคร๊าบบบ...แล้วป้าคิดผมเท่าไหร่ล่ะ" "เอ๊า... บ่ายแก่แล้ว ป้าขอแค่ 2,500 ก็พอ" ความหวังเริ่มจุดประกายอีกครั้ง แต่ก็อดต่ออีกไม่ได้ คิดว่ายังงัยก็คงได้ตามงบ "ลดให้ผมอีกหน่อยเถอะครับ ถึงแม้ผมจะหน้าตาดี แต่ไม่มีตังค์เยอะ" ป้าแก่ขำกลิ้งกับคารมผม "เออ!พ่อหนุ่มอารมณ์ดีนะ งั้นป้าคิดแค่ 2,000 ก็พอ" ผมชักชอบป้าแกแล้วเพราะเรียกผมว่าพ่อหนุ่ม "ป้าครับทั้งกระเป๋าผมเหลือแค่ 1,500 เท่านั้น...ได้ไหมครับ" "ใครจะเชื่อ...ดูท่าทางมีกะตังค์ออก ถ้าในกระเป๋ามีพันห้าจริงเอาออกมาดู ถ้าใช่...เอาไปเลย" เครียดล่ะครับ เพราะในกระเป๋าตังค์ผมมีอยู่แสนกว่า (ล้อเล่น) ที่จริงก็พอมีอยู่ ถ้าขืนควักออกมา...เสร็จป้าแน่ เลยล้วงจากเป้ที่สำรองตังค์ไว้เผื่อถูกล้วงกระเป๋า (รอบคอบไหมครับ) ผมล้วงออกมาให้ป้าดูทั้งหมด ดันมีแค่ 1,450 เท่านั้น เสียงป้าพูดเบาๆ
"สงสัยว่าป้าจะซวยล่ะมั๊ง เหลือเท่านี้เองเหรอ" "ครับป้า!แต่ผมต้องขอป้าสักห้าสิบบาทนะ เพราะเอาไว้จ่ายค่าจอดรถ 40 บาท และอีกสิบบาทขอไว้ซื้อชาดำเย็นซักถุง...ป้าเอาไปแค่พันสี่...นะป้านะ" ป้าแกก็ดีใจหายยอมขายให้และอวยพรให้อีก "ลูกเอ้ย...ไปอยู่กับคุณเค้าให้โชคให้ลาภให้คุณเค้าเจริญนะลูกนะ" ผมกล่าวขอบคุณแกด้วยความชื่นใจ สรุปแล้วผมก็ได้ปั๊กน้อยสมใจในราคาต่ำกว่างบ ผมตั้งชื่อมันว่า "เจ้าปีใหม่" ผมขับรถกลับบ้านที่คลอง 7 ด้วยความสุข คุยกะหมามาตลอดทาง...555 แต่หลังจากนั้นอีกสามวันเจ้าปีใหม่เริ่มป่วยนอนซม ผมใจคอไม่ดี ต้องมาทำงานทิ้งให้มันอยู่บ้านตัวเดียว จนในที่สุดต้องพาไปหาหมอดูอาการ ปรากฏว่ายัยป้าทำแสบ เจ้าปีใหม่เป็นพยาธิลำไส้ และแถมเป็นขี้เรื้อนอีกต่างหาก แต่ผมก็รักมันนะ หมดค่ายาไปหลายตังค์ไม่ว่า แค่ขออย่าให้มันเป็นอะไรเลย วันนี้มันหายดีแล้วครับ ซนไม่บันยะบันยัง...หนุกดีครับ และอยากจะบอกท่านผู้อ่านว่า พอได้เจ้าปีใหม่เข้าบ้าน ผมถูกหวยบนดิน 2 ตัว ทั้งๆ ที่ไม่เคยเล่นหวยแต่ลองดูก็ดันถูก ได้ตังค์มาพอเลี้ยงดูเจ้าปีใหม่ได้สบาย สงสัยว่างวดหน้าต้องถามเจ้าปีใหม่ว่าจะออกอะไร...ฮา
การไปเดินเที่ยวตลาดนัดสวนจตุจักรนั้นเป็นการไปที่ราคาถูกแต่ก็สามารถให้ความสุขได้ถ้าท่านพอใจกับชีวิตที่เรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ผมเองถ้าให้เลือกไปเดินที่ฟิวฯ กับการมาเที่ยวที่สวนฯ ผมว่าผมซื้ออะไรที่ถูกใจได้มากกว่าที่นี่ ต่างคนต่างความคิดครับ...แล้วแต่ท่านพอใจ ผมแค่ฉายภาพอีกแง่มุมนึงของการหาความสุขเล็กๆ ให้เป็นอีกทางเลือกครับ ฉบับนี้อาจเล่าชีวิตส่วนตัวเล็กๆ แต่ก็หวังว่าท่านผู้อ่านคงได้แง่คิดกับการใช้ชีวิตที่ทุกคนเคร่งเครียดกับการดิ้นรนทุกคน ให้มองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ขัน อยู่แบบพอเพียงก็เป็นสุขได้เช่นกัน...สวัสดีปีใหม่ครับ
|
|